เหมือนเป็นบันทึกการลงทุนที่ต้องเข้ามาดูทุกปีของน้องไอวี่ ลูกสาววัย 4 ขวบ ของพ่อเผ่ากับแม่อ้อ แห่ง Jitta ที่ลงทุนด้วยวิธีการแบบ Jitta Ranking คัดเลือกหุ้นดี ราคาเหมาะสม มา 20-30 ตัว ด้วยเงินต้น 1 ล้านบาท ผลลัพธ์ที่ได้น่าสนใจมากครับ
ปีที่ 1: +20.18%
ปีที่ 2: -9.97%
ปีที่ 3: -12.87%
ปีที่ 4: +39.92%
บวก 2 ปี ลบ 2 ปี คิดเป็นผลตอบแทนรวม +32.19% หรือพูดง่ายๆ ว่า เงินต้น 1 ล้านบาท เพิ่มมาเป็น 1,321,851 บาท ถ้าคิดแบบทบต้นต่อปีคือ +7.22%
เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของ SET เป็นแบบนี้
ปีที่ 1: +10.61%
ปีที่ 2: -6.64%
ปีที่ 3: -17.08%
ปีที่ 4: +17.81%
ผลตอบแทนรวมของ SET อยู่ที่ +0.88% หรือทบต้นต่อปี +0.22% เรียกได้ว่าไม่ค่อยไปไหนเท่าไหร่
แต่ข้อสังเกตคือ ปีไหนที่ตลาดบวก พอร์ตน้องไอวี่บวกมากกว่าตลาด แต่ปีไหนที่ตลาดลบ พอร์ตไอวี่ก็ลงเช่นกัน
ทีนี้เรามาลองแกะพอร์ตปีล่าสุดของน้องไอวี่กันดีกว่าว่าทำอย่างไรถึงได้บวกกระจายเกือบ 40%
จากการสอบถามกับทาง Jitta มาพบว่าพอร์ตน้องไอวี่มีลักษณะแบบนี้
1. ถือหุ้นไทย 20-30 ตัว
2. กระจายการลงทุนเกือบเท่าๆ กันทุกตัว (แต่ก็ใกล้เคียงกันมาก ตามราคา ตามสภาพคล่องของหุ้น)
3. ปรับพอร์ตทุก 3 เดือน ตาม Jitta Ranking (พอดีจังหวะพอร์ตน้องไอวี่ตรงกับงบออก เลยปรับพอร์ตเดือนพฤษภาคม สิงหาคม พฤศจิกายน และกุมภาพันธ์)
วิเคราะห์จากหุ้นที่น้องถือ เราสามารถจัดได้เป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ
1. หุ้นดีถือให้ยาว คือ หุ้นที่งบ Jitta Score ดี ราคาเหมาะสม ถ้าคุณภาพยังดีอยู่ ติด Top Ranking ตลอด ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขาย ถือไปจนกว่าจะแย่
2. หุ้นดีแต่แพงขายทำกำไร คือ หุ้นที่คุณภาพดีมาก่อน แต่พอเวลาผ่านไป กำไรอาจเริ่มโตช้าลง หรือว่าราคาวิ่งแรงแซงมูลค่าที่เหมาะสม ก็เลยขายทำกำไรเปลี่ยนตัวใหม่เข้าพอร์ตแทน
3. หุ้นที่ขายหมูไปถ้ายังดีให้ตามกลับมา คือ หุ้นที่ดีติด Jitta Ranking แต่ขายออกไปตามความเหมาะสม พอเวลาผ่านไป ธุรกิจเติบโตขึ้น กำไรดีขึ้น หรือหุ้นดีที่ขายออกไปตอนราคาสูง แล้วราคาเกิดร่วงลงมาพอดี เลยเข้าซื้ออีกรอบ
4. หุ้นดาวรุ่งตัวต่อไป คือ หุ้นใหม่ที่ไม่อยู่ในลิสต์มาก่อน แล้วคุณภาพได้ ราคาดี มีโอกาสเติบโตในอนาคตเลยเก็บเข้าพอร์ตเพิ่มเติม
=================
เรามาดูรายละเอียดกันในแต่ละกลุ่มครับ ว่ามีตัวอย่างหุ้นอะไรกันบ้าง จะขอยกตัวอย่างบางตัวเพื่อเป็นกรณีศึกษานะครับ
หุ้นดีถือให้ยาว
AP
หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่ทำผลงานดีมาตลอดแม้ปีที่ต้องเจอกับ COVID อสังหาแนวราบตอบโจทย์ ทำให้ยอดโอนสูงเป็นประวัติการณ์ Pre-Sales ดี Backlog สูงกว่า 33,700 ล้านบาท ปีที่แล้วทำกำไร +37.8% และ Q1’21 กำไร +126.8%
Jitta Score 5.46 หุ้นคุณภาพดี และได้คะแนนเพิ่มตลอด
Jitta Factors และ Jitta Signs แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะผลประกอบการสุด รวมถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง เงินจ่ายหนี้สบาย และปันผลเพิ่มทุกปี (ปันผลประมาณ 5-6%)
ราคา Under Jitta Line 26.45% P/E 5.3 เท่า ก็ดูไม่แพงนัก
VIH
หุ้นโรงพยาบาลโซนกรุงเทพชานเมืองไปทางหนองแขม อ้อมน้อย รายได้ กำไรเติบโตมาตลอด มาสะดุดปีที่แล้ว กระทบจาก COVID กำไร -6.8% แต่เริ่มฟื้นตอน Q4’20 และทำกำไรรอบ Q1’21 ได้ +35.7% มีการตรวจเคส COVID ค่อนข้างเยอะ และค่าใช้จ่ายค่าเสื่อมเริ่มทยอยลดลงเรื่อยๆ
Jitta Score 6.49 หุ้นคุณภาพดี คะแนนอยู่ในโซน 6-7 มาตลอด
Jitta Factors และ Jitta Signs แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งด้านการเงิน และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีหนี้สินระยะยาวที่ต่ำ SG&A ตรงนี้สำคัญลดลงได้ตลอด
ราคา Over Jitta Line 29.48% P/E 25.7 เท่า
หุ้นดีแต่แพงขายทำกำไร
S11
หุ้นสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID มียอดขายลดลง ต้องตั้งสำรองมากขึ้น NPL สูงตามชื่อ ปีที่แล้วทำกำไร -7.1% และ Q1’21 กำไร -21.7%
ถ้าดูราคายัง Under Jitta Line 36.4% แต่ว่า Jitta Score ลดลงมาตลอด 3 ปี หลังจาก 5.09, 4.41 และล่าสุด ได้คะแนน 3.6
ลองไปดูที่ Jitta Factors และ Jitta Signs จะพบว่าการเติบโตของธุรกิจเริ่มถดถอยลง ถึงแม้ว่ายังจ่ายปันผลได้ดี ไม่มีการลงทุนอะไรที่ดูเป็นภาระ แต่ก็อาจจะต้องระวังตัว ทำให้พอร์ตน้องไอวี่ขายทำกำไรเปลี่ยนตัวอื่นเข้ามาแทน
SIS
หุ้นค้าส่งสินค้า IT เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Xiao Mi ปีที่แล้วทำกำไร +41.1% และ Q1’21 กำไร +46.5%
Jitta Score ดูดีที่ 6.24 แต่ในแง่ของราคา Over Jitta Line ที่ 60.3% เพราะราคาเพิ่มขึ้นมาเร็วในปีนี้ แต่แนวโน้ม Q2 อาจจะไม่ได้โตมากนัก บวกกับอาจมีความกังวลเรื่องสินค้าขาดแคลน ทำให้ปรับพอร์ตขาย SIS ออกมา
Jitta Factors และ Jitta Signs ยังมีสัญญาณที่ดีทั้งในแง่ของการเติบโต จ่ายปันผลเพิ่ม และหนี้น้อย ก็คงเป็นเรื่องของราคาเป็นหลักมากกว่าเลยมองหาหุ้นตัวอื่นที่มีคุณภาพดีทัดเทียม แต่ upside สูงกว่า
หุ้นที่ขายหมูไปถ้ายังดีให้ตามกลับมา
SPVI
☑ หุ้นร้านค้าปลีกสินค้า IT เน้นไปที่สินค้าตระกูล Apple (NASDAQ:AAPL) ทั้ง iPhone, iPad, Apple Watch การเติบโตทำได้ดีมาก ขยายสาขาเพิ่มเติม โดยเฉพาะบุกเข้าไปที่มหาวิทยาลัย ปีที่แล้วทำกำไร -3.1% และ Q1’21 กำไร +179.5%
Jitta Score ดูดีที่ 5.97 ถือว่าสูงดีต่อเนื่อง คือในแง่คุณภาพไม่น่าห่วงเท่าไหร่
Jitta Factors และ Jitta Signs มีแนวโน้มเติบโตของรายได้และกำไร มาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้น หนี้น้อย และใช้ SG&A ลดลงเรื่อยๆ
แต่ที่ขายออกไปคงเป็นเพราะราคาที่เริ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับ Valuation การเติบโต แต่พอเวลาผ่านไปพบว่าสามารถทำผลงานได้ดีกว่าเดิม โตมากกว่าเดิม และราคากลับมา Under Jitta Line และถ้าดู P/E ก็ประมาณ 27.5 เท่า ยังต่ำกว่าผู้นำกลุ่มอยู่อีกเยอะ ทำให้ซื้อกลับคืนมาเข้าพอร์ต
หุ้นดาวรุ่งตัวต่อไป
หาดทิพย์ จำกัด (BK:HTC)
☑ หุ้นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม Coca Cola ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ทำผลงานได้ดีแม้ว่ามีการปิดร้านอาหาร โรงแรม และนักท่องเที่ยวหายไป ปีที่แล้วทำกำไร +28.5% และ Q1’21 กำไร +22.8%
Jitta Score ดูดีที่ 7.02 แถมราคายัง Under Jitta Line มากถึง 53.7% ถ้าดู P/E ก็แค่ 13 เท่า
Jitta Factors และ Jitta Signs ดูแข็งแรงในทุกด้านทั้งการเติบโตของกำไร หนี้ที่น้อย และการจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปี
HTC เลยกลายเป็นหุ้นตัวใหม่ที่พอร์ตน้องไอวี่เก็บเข้ามาในปีนี้ ถือเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาถ้ามีการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวกลับมา ร้านอาหารคึกคัก โอกาสทำกำไรก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้
WICE
ปีทองของหุ้น Logistics โดย WICE เองเป็นตัวแทนในการจัดหาเรือ รถ เครื่องบิน ขนส่งสินค้าข้ามแดนข้ามประเทศ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ปีที่แล้วทำกำไร +224% และ Q1’21 กำไร +169%
Jitta Score เพิ่มต่อเนื่องในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 5.51, 5.95 และล่าสุดอยู่ที่ 6.32
Jitta Factors และ Jitta Signs ดูแข็งแรงในแง่ของการเติบโต หนี้น้อย SG&A ลดลงทุกปี
ในแง่ของราคา อาจจะตกใจว่าทำไม Over Jitta Line มากถึง 199.2% แต่ Jitta ก็แจ้งมาว่า ตอนต้นปีมีการปรับอัลกอริทึม ที่จะมองเรื่องราคาเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น ถึงแม้ราคาจะสูงกว่า Jitta Line แต่ถ้าเทียบกับการเติบโตของอัตราส่วนทางการเงิน อาจจะยังน่าลงทุนอยู่ ทำให้ติดอันดับต้นๆ ของ Jitta Ranking ได้ ก็เป็นไปได้ว่าที่เก็บเข้าพอร์ตมาเพิ่มเพราะมองเห็นการเติบโตเป็นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้ความแพงลดลงมาในอนาคต
================
ข้อคิดที่ได้จากพอร์ตน้องไอวี่ คือ
1. เริ่มต้นด้วยหลักการที่ถูกต้อง คือ Buy a wonderful company at a fair price คือ ซื้อหุ้นดีในราคาที่เหมาะสม ตามหลักการของ Warren Buffett และเอามาคำนวณตามระบบของ Jitta Ranking
2. แพ้ศึก แต่ชนะสงคราม พอร์ตไม่จำเป็นต้องบวกทุกปี บางปีบวกมาก บางปีติดลบ แต่เพราะเราเน้นลงทุนระยะยาว เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผลตอบแทนที่ดีเอง
3. การกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้เราไม่ทุ่มน้ำหนักไปที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป เพราะเผื่อพลาดขึ้นมาจะได้ไม่เจ็บหนัก หุ้นที่ลงทุน 30 ตัว ไม่จำเป็นต้องบวกทุกตัว แค่ขอให้มีตัวที่กำไรมากกว่าตัวที่ขาดทุน เท่านี้พอร์ตก็เขียวแล้ว
4. ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ งบออกทุกไตรมาส ดีบ้าง แย่บ้าง เราปรับตัวตามให้ทัน หุ้นดีเก็บไว้ หุ้นแพงขายออกไป หุ้นตัวไหนกลับมาดี เราก็ซื้อกลับทัน
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น