สรุปภาพรวมตลาด และประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน

ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดในวันศุกร์ ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ปรับตัวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวสูงขึ้น ด้านตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียค่อนข้างทรงตัว โดยปัจจัยกดดันมาจาก ความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

Market Summary

• สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ภาพรวมอยู่ในแดนบวก ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำจุดสูงสุดใน วันศุกร์ ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ปรับตัวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สะท้อนถึง การฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง หนุนหุ้นกลุ่ม เทคโนโลยีให้ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับหุ้น Growth ซึ่งมองว่าจะยังคง Outperform สอดคล้องกับคำแนะนำ ของเราเมื่อสัปดาห์ก่อน ในขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันยังคงทรงตัว หลังจากการประชุมกลุ่ม OPEC+ ยังไม่ได้ ข้อสรุปและจะมีการประชุมกันต่อในสัปดาห์นี้ • ด้านตลาดหุ้นยุโรปทรงตัว โดยดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในปลายสัปดาห์แต่ยังคงอยู่ในแดนลบ หนุนจากหุ้นกลุ่มผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมถึงความกังวล ของการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า • ฝั่งตลาดหุ้นเอเชียที่ปิดทรงตัวเช่นกัน โดยในตลาดหุ้นจีนทั้ง A-share และ H-share ปรับตัวลงในวันศุกร์ หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน มิ.ย.ปรับตัวลง และเจอแรงเทขายทำกำไร ขณะที่ดัชนี Nikkei ปรับตัว สูงขึ้น หลังค่าเงินเยนปรับตัวลง หนุนการส่งออกในหุ้นกลุ่มยานยนต์

This week’s recommendation

สรุปคำแนะนำและประเด็นสำคัญสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัปดาห์ก่อนเรามองหุ้น Growth กลับมา Outperform ได้ดีและยังมองธีมเปิดเมืองยังคงมี Upside แม้เริ่มมีเค สการแพร่ระบาดในหลายประเทศจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยหุ้นที่แนะนำสัปดาห์ก่อน ได้แก่ Tesla (NASDAQ:TSLA US) Airbnb (ABNB US) และ PAVE ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย 1% 0.5% 1.5% ตามลำดับ ซึ่งกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าได้มี การประกาศยอดส่งมอบรถยนต์เดือน มิ.ย. โดย Teslaได้ประกาศยอดส่งมอบรถยนต์เดือน มิ.ย.ออกมาอยู่ที่ 201,250 คัน น้อยกว่าที่ Bloomberg คาดไว้ที่ 204,160 คัน สหรัฐฯและจีนยังเป็นตลาดสำคัญในการสร้าง รายได้ โดยเฉพาะยอดขายจากรถ Model 3 และ Model Y ส่วน NIO ประกาศยอดส่งมอบรถยนต์ออกมาดีกว่า คาดและเป็นยอดรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติ โดย NIO เราได้แนะนำเข้าซื้อเชิงเทคนิคไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่ ราคา 43-45% หากถือถึงปัจจุบันจะได้กำไรประมาณ 11% เราแนะนำขายทำกำไร และกลับไปรอรับ ณ แนวรับ แถว 45$ เนื่องจากยังไม่ผ่านแนวต้านระยะสั้น และราคามีการปรับย่อลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดหุ้นครึ่งปีแรก

• ดัชนี S&P500 ขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ได้หลังปรับตัวบวก 5 สัปดาห์ติดต่อกัน หากดูตั้งแต่ต้นปีบวกได้ 15% ซึ่ง 4 เดือนแรกของปี หุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีคือหุ้นกลุ่ม Value ได้แก่ ธนาคารและพลังงาน ที่ได้ประโยชน์จากการเริ่ม ทยอยเปิดเมืองและตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี แต่หลังจากกลางเดือน พ.ค.เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน หุ้น Growth ได้กลับมาปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นกว่า โดยดัชนี Nasdaq บวกติดต่อกันได้ถึง 7 สัปดาห์ ถือเป็นการบวก ติดต่อกันได้นานที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2019 หลังตลาดเริ่มคลายกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯไปแล้ว

• ภาพตลาดหุ้นจีนตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.ปรับตัวลง หลักๆมาจากมาตรการควบคุมบริษัทเทคฯ ประเด็นความ ขัดแย้งด้านการค้า และตัวเลขเศรษฐกิจที่โตชะลอลงกว่าปีก่อนหน้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ ผลตอบแทนต่ำกว่าภาพรวมหุ้นทั่วโลกในครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดีดัชนี Shanghai ยังอยู่ในแดนบวก ปรับตัวขึ้นได้ 2.52% ส่วนดัชนี Hang Seng ปรับตัวขึ้นราว 5% อีกทั้ง IMF ยังคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตและ ประเมินว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะขยายตัวได้ถึง 8.4% ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.

• ออกมาเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 706,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราการว่างงานใน เดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.9% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.6% หลังจากแตะ ระดับ 5.8% ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบ กับปีที่แล้วซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่เฟดใช้พิจารณาภาวะเงินเฟ้อ ภาพรวมตัวเลขที่ออกมาสะท้อนว่าเศรษฐกิจยัง ฟื้นตัวได้ดี แต่ไม่ได้รวดเร็วเกินไป ดังนั้นจึงยังไม่กังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ จับตา IPO คึกคัก

• สัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายบริษัทเพิ่งเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดสหรัฐฯ ประกอบไปด้วย บริษัท Ride Sharing สัญชาติจีนอย่าง Didi Global (DIDI US) ทั้งนี้หลังจากหุ้นเริ่มซื้อขายได้เพียง 2 วัน ทางการจีนเผยห้ามไม่ให้ Didi ขยายฐานผู้ใข้งานเพิ่ม ซึ่ง ทางการจะเร่งตรวจสอบนโยบายการเก็บรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่ง Didi เผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะให้ความร่วมมือเต็มที่ในการตรวจสอบครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้ราคาหุ้นปรับตัวลง 5% เมื่อวันศุกร์ หากนับตั้งแต่ IPO ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 11%

• ฝั่งสหรัฐฯ บริษัทผลิตและจำหน่ายโดนัทชื่อคุ้นหูอย่าง Krispy Kreme (DNUT US) เริ่มซื้อขายวันแรกเช่นกัน หลังบริษัทถูกซื้อเมื่อปี 2016 และยกเลิกการจดทะเบียน โดยครั้งนี้ ทาง CEO ของบริษัทเผยได้เปลี่ยนโครงสร้าง ธุรกิจอย่งามีนัยสำคัญ และอีกหนึ่ง IPO ที่ตลาดจับตามองมากที่สุดในปีนี้สำหรับ Application ซื้อขาย หลักทรัพย์ โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่นอย่าง Robinhood (HOOD US) ยื่นเอกสารจดทะเบียนกับตลาด Nasdaq โดยคาดว่าหุ้นจะเริ่มซื้อขายในอีกไม่นานน

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities