รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

รีวิวตลาดคริปโตฯ ใน Q2 และ 4 สิ่งที่นักลงทุนคริปโตฯ ต้องเจอในอนาคต

เผยแพร่ 06/07/2564 14:00
อัพเดท 09/07/2566 17:31
TSLA
-
IXIC
-
BTC/USD
-
BMC
-
XRP/USD
-
ETH/USD
-
LTC/USD
-
DOGE/USD
-
SOL/USD
-
ETH
-
COIN
-

ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ สำหรับวงการคริปโตฯ และราชาสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์อยู่มากมาย ในไตรมาสนี้เราได้เห็นบิทคอยน์ขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $65,500 ก่อนที่จะร่วงลงมาทำจุดต่ำสุดที่ $28,800 ในวันที่ 22 มิถุนายนและลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้เราได้เห็นการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นจากการที่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล’คอยน์เบส’ COIN) สามารถถูกลิสต์ขึ้นดัชนีชื่อดังของสหรัฐอเมริกาอย่างแนสแด็กได้ ความน่าสนใจก็คือในวันที่คอยน์เบสถูกลิสต์เข้าตลาดนั้นเป็นวันเดียวกับที่บิทคอยน์ขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $65,500 หลังจากนั้นเราก็ไม้ได้เห็นหุ้นขาขึ้นของคอยน์เบสอีกเลย

การเริ่มต้นเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 หมายความว่าเราได้เดินทางมาถึงครึ่งปีหลังของปี 2021 กันแล้ว สำหรับนักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล พวกเขายังต้องเผชิญกับความท้าทายกันต่อ ทั้งในแง่ของความเชื่อและกฎหมาย คนที่เชื่อยังคงมองว่าการไซด์เวย์ของบิทคอยน์ในตอนนี้คือโอกาสดีที่จะได้สะสมความมั่งคั่ง ในขณะที่คนบางคนที่ไม่เชื่อเลยอย่างวอร์เรน บัฟเฟต และชาร์ลี มังเกอร์ ก็ยังคงเดินหน้าสาปแช่งวงการนี้อย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนที่ลงทุนโดยอ้างอิงจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดอาจจะไม่ค่อยพอใจบิทคอยน์ในไตรมาสที่ 2 เท่าไหร่ คงไม่มีใครทำใจได้เมื่อได้เห็นมูลค่าตลาดที่เคยพุ่งขึ้นไปสูงขึ้น $2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ต้องหดตัวลดลงมาเหลือเพียง $1.447 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในวันที่ 30 มิถุนายน คิดเป็นการปรับตัวลดลงภายในไตรมาสเดียว 26.85% ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตรวมทั้งหมดลดลงมากถึง 42.11%

ภาพรวมตลาดคริปโตฯ ในไตรมาสที่ 2 Bitcoin Futures Weekly 2018-2021
ที่มา: CQG

กราฟในรูปนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่บิทคอยน์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นจาก $28,800 ขึ้นไปยัง $65,520 หลังจากนั้นบิทคอยน์ก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว จนมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $35,000 ในวันที่ 30 มิถุนายน และยังไม่แน่นอนว่าจะปรับตัวลดลงต่ออีกหรือไม่ในปัจจุบัน

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้บิทคอยน์ปรับตัวลดลงมาในครั้งนี้คือการหยุดสนับสนุนจากอีลอน มักส์ เจ้าของเทสลา (NASDAQ:TSLA) ที่มองว่าการผลิตบิทคอยน์ใช้พลังงานไฟฟ้ามากไปและไม่ตรงตามนโยบายพลังงานสะอาดของเขา นอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการปราบปรามคริปโตฯ อย่างหนักของทางการจีนเพื่อเปิดทางให้ดิจิทัลหยวน

ขาลง 42% ของบิทคอยน์ทำให้สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ มีมูลค่าลดลงตามไปด้วย แม้แต่สกุลเงินอย่างอีเธอเรียมที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากในปีนี้เพราะ DeFi ก็ยังไม่รอดที่มูลค่าของสกุลเงินจะหายไปเกินครึ่งEther Futures Weekly
ที่มา: CQG

กราฟรายสัปดาห์รูปนี้แสดงภาพของอีเธอเรียมล่วงหน้าที่ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด $4,406.50 ลงมายัง $1,697.75 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ล่าสุดราคาซื้อขายอีเธอเรียมก่อนปิดเดือนมิถุนายนมีราคาอยู่ที่ $2,265.49

โดจคอยน์: เหรียญที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นในไตรมาสที่ 2

สกุลเงินหนึ่งที่ถูกคนพูดถึงมากที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกรักของอีลอน มัสก์อย่างโดจคอยน์ (DOGE) เหรียญที่เกิดขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อล้อเลียนบิทคอยน์ล้วนๆ กลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก $0.0002047 กลายมาเป็น $0.06199 ได้ในวันที่ 31 มีนาคม 2021

ที่มา: CoinMarketCap

กราฟรูปนี้แสดงวันเวลาที่โดจคอยน์ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 68.48 เซนต์ ในวันที่ 6 พฤษภาคม มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 24.45 เซนต์ในวันที่ 30 มิถุนายน อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่านี่คือเหรียญที่เป็นลูกรักของอีลอน มักส์ เขาและดาราชื่อดังของอเมริกาหลายคนพยายามผลักดันการใช้งานจริงของเจ้าเหรียญชิบะ อินุจนทำให้มูลค่าตลาดของโดจคอยน์เพิ่มขึ้นเป็น $32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน โดจคอยน์สามารถรั้งอันดับ 6 เหนือสกุลเงินอื่นๆ อย่างริปเปิล โซลานา ไลท์คอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

อะไรคือสิ่งที่รอโลกคริปโตฯ อยู่ในอนาคตนับจากนี้?

แม้ว่าในไตรมาสที่ 2 มูลค่าของตลาดคริปโตจะหายไป 26.85% แต่จำนวนเหรียญที่เพิ่มเข้ามาในวงการนั้นกลับไม่ได้ลดลงเลย ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนระบุว่าปัจจุบันเรามีเหรียญคริปโตฯ รวมกันแล้วทั้งสิ้น 10,725 สกุลเงิน เพิ่มขึ้นมาอีก 1,680 สกุลเงินจากช่วงปิดไตรมาสที่ 1 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 18.5%

สิ่งที่ผมในฐานะคนเขียนบทความค่อนข้างเป็นห่วงก็คือความคิดของผู้ที่เชื่อในสกุลเงินดิจิทัลตอนนี้ที่กำลังตามหาเหรียญที่จะได้ชื่อว่าเป็น “นิวบิทคอยน์” หรือ “นิวอีเธอเรียม” เพราะจากเหรียญจำนวน 10,725 สกุลเงินนั้นกลับมีเหรียญอยู่เพียงไม่ถึง 100 สกุลเงินดิจิทัลเท่านั้นที่เชื่อถือได้ (อ้างอิงจากมูลค่าตลาด)

จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ระบุเอาไว้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนว่าสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า $1,000 ล้านเหรียญสหรัฐมีอยู่เพียง 64 สกุลเงินเท่านั้น บิทคอยน์คืออันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยมูลค่าตลาด $613,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยอีเธอเรียมเป็นอันดับสอง มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $211,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือแล้ว สิ่งที่วงการคริปโตฯ ยังต้องเผชิญต่อจากนี้ในอนาคตมีทั้งสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการในอนาคตและสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการเติบโต ยกตัวอย่างเช่นหากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ อนุญาตให้เปิดกองทุน ETF สำหรับบิทคอยน์ได้ ก็จะทำให้มีสภาพคล่องไหลเข้ามาสู่ตลาดนี้อีกเป็นจำนวนมาก

แต่ในขณะเดียวกัน บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลก็ต้องเป็นเป้าในเรื่องของความปลอดภัยมาโดยตลอด ล่าสุดเหตุการณ์ที่ท่อส่งน้ำมันโดนโจมตีทางไซเบอร์ กลุ่มผู้เรียกค่าไถ่ก็เรียกเป็นเงินสกุลบิทคอยน์ จึงทำให้บิทคอยน์หลุดออกจากการเป็นจำเลยในประเด็นเชิงอาชญากรรมได้ยากมาก

ปัญหาในเรื่องสภาพแวดล้อมก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่บิทคอยน์จะยิ่งถูกโจมตีมากขึ้นในอนาคต ไม่ว่าคุณจะลงทุนในบิทคอยน์ด้วยสาเหตุอะไร แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าบิทคอยน์ยังคงใช้ PoW เป็นวิธีหลักในการขุดเหรียญมาตั้งแต่ปี 2009 และยิ่งมีคนเข้ามาในวงการนี้มากขึ้นเท่าไหร่ เหรียญนี้ก็ต้องถูกขุดโดยใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเท่านั้น ในอนาคตเป็นไปได้ว่ารัฐบาลหลายๆ ประเทศอาจนำกฎหมายมาควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการขุดบิทคอยน์ได้

และปัญหาใหญ่ที่สุดของสกุลเงินที่ดิจิทัลที่เป็นปัญหากับทางภาครัฐมาโดยตลอดคือปัญหาทางกฎหมาย ด้วยเจตจำรงเสรีและเทคโนโลยีที่เอื้อให้ตัวกลางไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ทำให้บิทคอยน์มีโอกาสถูกควบคุมสูงในวันที่สกุลเงินดิจิทัลจากภาครัฐเกิดขึ้นมาแล้ว เชื่อว่าตอนนี้ทั้งโลกกำลังรอจับตาดูการใช้งานดิจิทัลหยวนโดยสมบูรณ์ของจีนซึ่งจะเป็นเหมือนกับแซนด์บ็อกซ์ของโลกว่าแนวคิดสกุลเงินดิจิทัลจากรัฐบาลจะประสบความสำเร็จขนาดไหน

สำหรับตอนนี้ผมเชื่อว่าภาครัฐอาจจะยังไม่ขยับอะไรมากเพราะการปรับตัวลดลงของบิทคอยน์ทำให้มูลค่าตลาดหดตัวลดลงมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่ฟองสบู่ครั้งนี้ชิงแตกไปก่อนที่จะถูกปราบปรามด้วยมาตรการที่รุนแรงกว่านี้และเสี่ยงต่อการเติบโตในระยะยาว

ในอนาคตอันใกล้ผมเชื่อว่าบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลจะมีบทบาทกับภาวะเงินเฟ้อที่มนุษยชาติกำลังจะเจอหลังยุคโควิด เราอาจจะได้การสลับกันขึ้นลงระหว่างบิทคอยน์และทองคำ หากว่าสถานการณ์เงินเฟ้อเติบโตขึ้นมากเกินกว่าเฟดและธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกจะควบคุมได้ หลังจากนั้นเมื่อสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลประเทศต่างๆ เสร็จ เราจะได้เห็นการแบ่งฝ่ายกันระหว่างฝั่งที่ใช้เงินคริปโตฯ เพราะเชื่อในเจตจำนงเสรี เชื่อว่าตัวเองสามารถควบคุมเงินของตัวเองได้ กับฝ่ายที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลของภาครัฐเพราะมองว่าปลอดภัย ง่าย และสบายดี

อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงความเห็นของผม คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อก็ได้ เห็นต่างก็ได้ แต่ในแง่ของความเสี่ยงและความผันผวน สกุลเงินดิจิทัลนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะจบลงเช่นไร เหมือนกับสกุลเงินอื่นๆ ที่เราเคยแนะนำมา ข้อสรุปของเราจึงยังเหมือนเดิม ลงทุนด้วยเงินเย็น ศึกษาถึงความเสี่ยงเอาไว้ให้มากคือวิธีที่ความเสี่ยงได้ดีที่สุด

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย