รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

2 กองทุน ETF ที่จะช่วยให้คุณร่ำรวยตามนักลงทุนในตำนานอย่างวอร์เรน บัฟเฟต

เผยแพร่ 17/08/2564 13:59

เชื่อว่านักลงทุนทุกคนคงไม่มีใครไม่รู้จักนักลงทุนในตำนานที่ได้ชื่อว่า “พ่ดมดการเงิน” อย่างวอร์เรน บัฟเฟต นอกจากความสามารถในการอ่านตลาดหุ้นของเขาแล้ว เขายังเป็น CEO ของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮททาเวย์ (NYSE:BRKa) (NYSE:BRKb) ซึ่งเป็นบริษัทยอดนิยมของนักลงทุนสายซื้อและถือยาว ตั้งแต่ปี 1950 วอร์เรน บัฟเฟต และเพื่อนสนิทของเขานายชาร์ลี มังเกอร์ ได้เปลี่ยนบริษัทเบิร์กเชียร์ฯ ที่เคยประสบปัญหาทางการเงิน ให้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง จนปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตลาดมากกว่า $654,000 ล้านเหรียญสหรัฐBRK.A Weekly TTM

ในวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2021 ผลที่ออกมาก็คือกำไรบริษัทสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ด้วยตัวเลข $6,690 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการเติบโต 21% แบบ YoY กำไรหลักของบริษัทได้มาจากธุรกิจในกลุ่มพลังงานและกิจการรถไฟ ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจนผู้คนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ได้ซื้อหุ้นของพวกเขาคืนคิดเป็นมูลค่า $6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเวลาหกเดือนที่ทำการซื้อหุ้นคืน พวกเขาได้ใช้เงินไปแล้ว $12,600 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับนักลงทุนที่ไม่รู้ บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์เป็นเจ้าของบริษัทหลายแห่งในหลากหลายกิจการ ยกตัวอย่างเช่น Geico, BNSF Railway และ See's Candies นอกจากนี้พวกเขายังได้ลงทุนในบริษัทเอกชนหลายแห่ง สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มหลักๆ คือ

  • กลุ่มธนาคาร บริษัทประกันและการเงิน (มูลค่ารวมทั้งสิ้น $66,479 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
  • กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้าสำหรับผู้บริโภค (มูลค่ารวมทั้งสิ้น $146,330 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
  • กลุ่มบริษัทผู้ผลิตโฆษณา อุตสาหกรรมและอื่นๆ (มูลค่ารวมทั้งสิ้น $68,361 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

จากข้อมูลถึงสิ้นเดือนมิถุนายนที่ประเมินและเปิดเผยโดย กลต. สหรัฐฯ ระบุว่าประมาณ 69% ของกำไรจากหุ้นที่บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ถือครองประกอบไปด้วย

- American Express (NYSE:AXP) มูลค่า $25,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Apple (NASDAQ:AAPL) มูลค่า $124,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Bank of America (NYSE:BAC) มูลค่า $42,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
- Coca-Cola (NYSE:KO) มูลค่า $21,600 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากสี่บริษัทที่ได้กล่าวถึงไป ยังมีอีกหลายบริษัทที่บริษัทแห่งนี้ได้เข้ามาถือครองหุ้น ได้แก่ AbbVie (NYSE:ABBV), Amazon (NASDAQ:AMZN), Bank of New York Mellon (NYSE:BK), Bristol-Myers Squibb (NYSE:BMY), DaVita (NYSE:DVA), General Motors (NYSE:GM), Kroger (NYSE:KR), Marsh & McLennan (NYSE:MMC), Mastercard (NYSE:MA), Teva Pharmaceutical Industries (NYSE:TEVA) และ Verisign (NASDAQ:VRSN).

นอกจากการลงทุนในหุ้นแล้ว เบิร์กเชียร์ แฮทเวย์ยังได้ลงทุนในกองทุน ETF ด้วย ในบทความนี้เราจะมาแนะนำสองกองทุน ETF ที่วอร์เรน บัฟเฟต และชาร์ลี มังเกอร์ วางใจเลือกเข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุนของพวกเขา

1. SPDR S&P 500 ETF Trust

กองทุน SPDR S&P 500 ETF Trust (NYSE:SPY) เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคามาจากดัชนีเอสแอนด์พี 500  วอร์เรน บัฟเฟต เลือกกองทุนตัวนี้เพราะเขาเชื่อว่า SPY สามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดค้าปลีก ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคได้จากการดูความเคลื่อนไหวของกองทุนตัวนี้ 

SPY เริ่มต้นให้เทรดตั้งแต่เดือนมกราคมปี 1993 ตลอดทั้งปีสามารถปรับตัวขึ้นได้ 32.4% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 13 สิงหาคม หุ้นสิบอันดับแรกที่ SPY ถือครองคิดเป็นสัดส่วน 28% ของสินทรัพย์ทั้งหมดซึ่งมีอยู่ที่ $388,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือครองหุ้นชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft (NASDAQ:MSFT), Amazon, Facebook (NASDAQ:FB) และ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) (NASDAQ:GOOG)

2. Financial Select Sector SPDR Fund

- ระดับราคาปัจจุบัน: $38.58
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $22.94 - $38.95
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.50%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.12% ต่อปี

กองทุน Financial Select Sector SPDR® Fund (NYSE:XLF) เป็นกองทุนที่ถือเน้นถือครองหุ้นของบริษัทในกลุ่มธนาคาร กองทุน ประกัน ผู้จัดการสินทรัพย์ โบรกเกอร์ และอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ XLF เริ่มต้นให้เทรดตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 1998 มีมูลค่าสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $42,600 ล้านเหรียญสหรัฐXLF Weekly

กองทุนนี้อ้างอิงราคาจากดัชนี Financial Select Sector Index ถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ทั้งสิ้น 65 บริษัท หุ้นสิบอันดับแรกคิดเป็น 55% ของหุ้นที่ถือครองทั้งหมด หุ้นดังๆ ที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Berkshire Hathaway Class B, JPMorgan Chase (NYSE:JPM), Bank of America , Wells Fargo (NYSE:WFC), Morgan Stanley (NYSE:MS) และ Citigroup (NYSE:C)  

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน กองทุน XLF ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 30.9% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 13 สิงหาคม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้หุ้นในกลุ่มการเงินกลายเป็นกลุ่มที่ทำผลงานขาขึ้นได้ดีที่สุดในปี 2021 และหากสังเกตให้ดีๆ หุ้นหลายตัวที่ XLF ถือครองเป็นหุ้นตัวเดียวกันกับที่วอร์เรน บัฟเฟตชอบ

อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ในระยะสั้น นักลงทุนจะออกจากตลาดเพื่อทำกำไรก่อน นักลงทุนที่สนใจถือกองทุน XLF แนะนำว่าควรรอเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลดลงมาที่ $35-37

ความคิดเห็นล่าสุด

👍🏻
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย