รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Walmart, Home Depot, NVIDIA

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 15/11/2564 13:50

การรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2021 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาได้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ในสัปดาห์นี้การรายงานผลประกอบการจะเป็นคิวของธุรกิจในกลุ่มค้าปลีก และการคาดการณ์ว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมีโอกาสเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญคือการอัปเดตตัวเลขของตลาดแรงงาน ว่าการขาดแคลนแรงงานนั้นสร้างผลกระทบกับผู้ค้าปลีกและยอดขายมากเพียงใด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีโอกาสที่ค้าปลีกจะถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบสามสิบปี

รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม ที่พึ่งรายงานไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสร้างความตกใจให้กับตลาดลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะตัวเลขเงินเฟ้อแบบปีต่อปีได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 6.2% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 เมื่อราคาสินค้าแพงขึ้น ต่อให้ประชาชนมีเงินจากภาครัฐมาช่วย ก็ต้องต่อสู่กับสภาวะราคาสินค้าในตลาดแพงอยู่ดี และการที่ตัวเลขในภาคค้าปลีกจะเติบโตได้ดีแค่ไหน ก็สะท้อนถึงความสามารถในการต่อสู้กับเงินเงินเฟ้อของผู้บริโภค นั่นจึงเป็นที่มาของหุ้นสามตัวจากภาคค้าปลีกที่นักลงทุนควรจับตามองในสัปดาห์นี้

1. Walmart 

บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาวอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ในวันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้วอลล์มาร์ทจะสามารถทำกำไรได้ $135,430 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.40

WMT Weekly TTM

ปีที่แล้ว วอลล์มาร์ทได้อานิสงส์เชิงบวกจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างมาก การเก็บตัวทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยแต่สินค้าจำเป็น และช่องทางเดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้านของวอลล์มาร์ทก็ถือว่าตอบโจทย์ทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่เมื่อปีนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น วอลล์มาร์ทจึงได้ออกมาเตือนผู้ถือหุ้นว่ามีโอกาสที่ยอดขายจะชะลอตัว เนื่องจากการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

วอลล์มาร์ทคาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่เชื่อว่าตัวเลขการเติบโตของยอดขายในแต่ละสาขาจะสามารถรักษาทรงเอาไว้ในแดนบวกได้ ถึงวอลล์มาร์ทจะถ่อมตัวเช่นนั้น แต่ปีนี้หุ้นของบริษัทก็สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 2% เทียบกับขาขึ้น 25% ของดัชนีเอสแอนด์พี 500 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นของวอลล์มาร์ทมีราคาปิดอยู่ดี $147.76

2.  Home Depot 

บริษัทธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านรายใหญ่ “โฮม ดีโป” (NYSE:HD) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันเวลาเช่นเดียวกันกับวอลล์มาร์ท นักวิเคราะห์คาดว่าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้โฮมดีโปจะสามารถทำกำไรได้ $34,890 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $3.41 HD Weekly TTM

โฮมดีโปถือเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีที่แล้ว เมื่อการทำงานจากที่บ้านกลายเป็นสิ่งจำเป็น การต่อเติมบ้านเพื่อทำให้เป็นสถานที่ทำงานมากขึ้นได้ช่วยเพิ่มยอดขายของบริษัทในปีที่แล้วเป็นอย่างมาก แต่การกลับมาเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจ และการขยับเข้าใกล้การมีวิถีชีวิตแบบเดิมมากขึ้นอาจทำให้โฮมดีโปมียอดขายที่ลดลง

ในรายงานผลประกอบการครั้งที่สุดที่มีถึงวันที่ 1 สิงหาคม โฮมดีโปรายงานตัวเลขเปรียบเทียบยอดขายระหว่างแต่ละสาขาว่าเพิ่มขึ้น 4.5% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ 5.6% และเมื่อย้อนกลับไปดูในไตรมาสที่สี่ของปี 2020 ตอนนั้นยอดขายระหว่างแต่ละสาขาเคยทะยานขึ้นไปสร้างสถิติสูงสุดเอาไว้มากกว่า 20%

ความไม่แน่นอนนี้จึงทำให้นักลงทุนเป้นกังวลว่ามีโอกาสที่ยอดขายของโฮมดีโปจะปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ในอนาคต ล่าสุดหุ้นโฮมดีโปมีราคาอยู่ที่ $372.63 หลังจากปรับตัวขึ้นมา 4% ในช่วงเวลาสามเดือนล่าสุด

3. NVIDIA Corporation

บริษัทผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการผลิตการ์ดจอคุณภาพเยี่ยมเอ็นวีเดีย (NASDAQ:NVDA) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันพุธที่ 17 พฤศจิกายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้เอ็นวีเดียจะสามารถทำกำไรได้ $6,820 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.11

NVDA Weekly TTM

นอกจากชื่อเสียงด้านการผลิตการ์ดจอแล้ว เอ็นวีเดียยังถือเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเซมิคอนดักเตอร์ มีส่วนสำคัญกับการพัฒนาวงการคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะสายเกม เอ็นวีเดียยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับการนำเทคโนโลยีของตนไปใช้ร่วมกับตลาดปัญญาประดิษฐ์ ก่อให้เกิดสายพานธุรกิจใหม่ที่มีมูลค่ามากถึงหลักพันล้านเหรียญสหรัฐ

ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ของเอ็นวีเดียไม่เคยลดลงจากปีที่แล้ว ปีนี้หุ้นเอ็นวีเดียยังสามารถเติบโตได้มากกว่าเดิมถึงสองเท่า เอาชนะบริษัทคู่แข่งไปได้อย่างสบายๆ ดังนั้นไตรมาสนี้ ตลาดลงทุนจึงหวังจะได้เห็นตัวเลขผลกำไรที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้อย่างถล่มทลายอีกครั้ง ล่าสุดหุ้นเอ็นวีเดียมีราคาปิดอยู่ที่ $303.90

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย