เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ตลาดร่วงกันกระจุยกระจาย หลังจากที่รายงานการประชุมของ FED ออกมา ถือว่า Surprise ตลาดพอควร แล้วมันดี หรือไม่ดีกับตลาดหุ้นกันแน่ เรามาคุยกัน
1. สิ่งที่ทำให้ตลาดตกใจมีอยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือ รายงานการประชุมในเดือนที่แล้วบอกว่า ถ้าดูจากตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ควรจะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม จากที่คาดว่าจะขึ้นกลางปี ก็มีการเก็งกำไรว่าอาจจะขึ้นมีนานี้เลย จะเห็นว่า FED Fund future จากเดิมคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน มิย เปลี่ยนเป็น ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนา สูงถึง 70% และทำให้ตลาดเริ่มรับรู้ถึงดีกรีความเข้มงวดของ FED ตั้งแต่ต้นปี (หลังจากเดือนที่แล้ว ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย พย เปลี่ยนมาเป็น มิย ล่าสุดขึ้นมามีนา)
2. รายงานส่วนที่สองนี้ น่าจะเป็นส่วนหลักที่ทำให้ตลาดค่อนข้าง Panic มากๆ เมื่อวาน คือ มีคณะกรรมการจำนวนนึงบอก หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ควรจะลด Balance sheet ทันที อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เพราะถ้าย้อนไปอดีตก็จะเห็นว่า FED เริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกปลายปี 2013 และใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าจะตัดสินใจลดขนาด Balance sheet (ดึงเงินออกจากระบบ) ในปี 2018 แต่รอบนี้ขึ้นดอกเบี้ยปั๊ป จะให้ลด Balance sheet ทันที นักลงทุนคาดแค่ขึ้นดอกเบี้ยก็แย่อยู่แล้ว นี่จะดึงเงินออกอีก ต้องบอก Super Hawkish และถ้าย้อนไปดูปี 2018 ก็ต้องบอกตลาดลงเกือบทั้งปี โดยเฉพาะ ตลาดเก็งกำไรอย่าง Crypto รวมถึงตลาดไทยด้วย ไม่แปลกที่พอนักลงทุนเห็นข้อความนี่โผล่ขึ้นมา ในการประชุม FED รอบที่ผ่านมา ถึงตกใจมาก แต่ในรายงานก็บอกแค่คณะกรรมการจำนวนนึง แต่ไม่ได้บอกว่าเยอะ น้อยขนาดไหน และก็อาจจะยังไม่ต้องกังวลมากนัก แต่แน่นอนนี่คือความเสี่ยงที่เพิ่มเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งตัว
3. สรุปจาก 2 ข้อหลักนี้ ทำให้ตลาด ก็เหมือนเป็นการ บอกใบ้ดีกรีความรุนแรงของ FED ตั้งแต่ต้นปีเป็นอย่างดี ถึงแม้มันอาจจะยังไม่ได้แน่ขนาดนั้นก็ได้ แต่ตลาดก็ต้อง price ราคาตรงนี้ ดังนั้น ในช่วง 2-3 วันนี้ หรือ 1 อาทิตย์ต่อจากนี้ ตลาดน่าจะผันผวน เพราะต้องเริ่ม price ความเสี่ยงตรงนี้เพิ่มขึ้น
4. แต่ถ้าดู Yield Curve เมื่อวาน 2y-10Y ก็ยังวิ่งขึ้นอยู่ นั่นหมายความว่า ตลาดยังไม่ได้กังวล outlook ของเศรษฐกิจ และตัว FED เองก็คงไม่ได้ต้องการ Yield flat เพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจที่คนเริ่มกังวล และอาจจะกระทบต่อการจ้างงานและการฟื้นตัว ดังนั้นการสื่อสารของ FED ต่อจากนี้จึงน่าติดตาม โดยเฉพาะกลางเดือนนี้ที่ Powell จะออกมาให้ความคิดเห็น
5. ย้อนมาที่ตลาดหุ้น ถือว่าเป็น Sign ที่แย่ไหม ก็ต้องบอกไม่แย่นะ เพราะถ้าไปดู FED ก็บอกชัดถึงการขึ้นดอกเบี้ย เป็นเพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงตลาดแรงงานด้วย แสดงว่า FED ค่อนข้างเชื่อมั่นใจเศรษฐกิจมากๆ แต่แน่นอนหุ้นที่กระทบจะเป็นหุ้นเก็งกำไร และหุ้น Growth ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เงินลงทุนกระจุกตัวอยู่ในหุ้นและสินค้าไม่กี่ตัว ดังนั้นถ้าภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มดีในหลายๆกลุ่ม เงินก็น่าจะกลับมาหาหุ้น Value รวมถึง Cheap stock และกลุ่มอื่นที่ยังน่าสนใจ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่เราเห้น Rotate ต่อเนื่อง หรืออย่างเมื่อวาน หุ้น NASDAQ -3.3% แต่ DJ -1% เท่านั้น ดูไม่ได้ Panic เท่าไหร่ และหุ้นไทยเองก็มีหุ้น Value ที่ราคายังไม่แพงมากนัก ก็เชื่อว่าบ้านเราก็น่าจะได้รับผลกระทบไม่เยอะมาก จากเรื่องราวเมื่อวาน
6. ถ้าเราลองวิเคราะห์กันต่อ FED จะกล้าขึ้นดอกเบี้ยเร็วจริงไหม ก็ยังเป็นคำถาม เพราะนั่นคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จนทำให้เงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่อง รวมถึงผลกระทบตลาดแรงงาน(Wage) แต่ถ้าขึ้นจริงๆก็แสดงว่ามีข้อมูลเพียงพอว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่งจริง ดังนั้นจริงๆภาพรวมตลาดหุ้นก็ยังไม่ได้ดูแย่มาก เพราะถ้าเรายังจำคำพูดของ Powell ได้ในเดือนที่แล้ว เขาบอกว่า FED พร้อมจะปรับนโยบายตามสถานการณ์ เพื่อ support ตลาดทุน
7. ถ้าดูตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาช่วงหลัง เช่น ISM ที่ชะลอตัวลง = เงินเฟ้อน่าจะเริ่มดีขึ้น, การจ้างงานออกมาดีกว่าคาด(ไม่แปลกที่ FED more aggressive) ถึงแม้จะมีความเสี่ยงเรื่อง Omicron แต่ภาพรวมก็ต้องบอกควรจะมองด้านบวก มากกว่าด้านลบ
8. อย่างที่บอก ในสภาวะที่ FED เริ่มส่งสัญญาณเข้มงวดมากกว่าปกติแบบนี้ สินค้าเก็งกำไรในปีนี้ คงเก็งกำไรยากแน่นอน เพราะถ้าเราดูเศรษฐกิจแข็งแกร่งก็มีโอกาสเจอการ Rotate หรือเงินไหลออก ไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริงๆ + FED ก็อาจจะเข้มงวดเร็วกว่าคาดแบบนี้ หรือถ้าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ความเข้มงวดก็อาจจะน้อยหน่อย แต่อย่างไรก็แล้วแต่เราเหมือนจะผ่านยุคผ่อนคลายทางนโยบายไปแล้ว เพราะถ้อยคำของ FED ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ดู Aggressive Hawkish เหลือเกิน
โชคดีครับ
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ Bigmove club news