ทุกๆ ครั้งที่เดือนมกราคมวนมาถึง นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีของใครหลายๆ คน ในการทบทวนเป้าหมายทางการเงิน และเริ่มลงทุนอย่างจริงจัง นักลงทุนระยะยาวจะทราบดีว่าเวลาอยู่ข้างพวกเขาเสมอ สมมุติว่าตอนนี้คุณอายุ 30 ปี มีเงินฝากอยู่ในบัญชี $10,000 และวางแผนไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 65 คุณจำเป็นต้องเริ่มลงทุนด้วยเงิน $10,000 ในวันนี้ และทำกำไรจากเงินนี้ให้ได้อย่างน้อย $3,000 ต่อปี
การออมเงิน $3,000 เหรียญต่อปีหมายความว่าคุณสามารถเก็บเงินได้น้อยกว่า $9 เหรียญต่อวัน และถ้าคุณจะเพิ่มจำนวนเงินเก็บรายปีจาก $3,000 ดอลลาร์เป็น $4,000 ดอลลาร์ จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมาย $700,000 ดอลลาร์ได้เร็วขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เวลา + ดอกเบี้ยทบต้นจะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้คุณเข้าใกล้แผนเกษียณได้เร็วขึ้น
และหากอยากร่นเวลาให้ได้เร็วขึ้นกว่านั้นอีก สิ่งที่คุณต้องทำคือ “ลงทุน” และในบทความนี้เราได้หยิบกองทุน ETF มาแนะนำสำหรับผู้ที่อย่างเร่งสปีดเงินเก็บ และได้สานฝันสร้างพอร์ตเกษียณอายุให้สำเร็จได้เร็วขึ้น
1. Invesco NASDAQ Next Gen 100 ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $31.79
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $29.91 - $36.24
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.26%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.15% ต่อปี
กองทุนตัวแรกที่เราอยากจะแนะนำคือ Invesco NASDAQ Next Gen 100 ETF (NASDAQ:QQQJ) นี่คือกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่อยู่ในอันดับ 101 - 200 บนดัชนีแนสแด็ก กองทุนนี้เน้นลงทุนกับบริษัทของคนยุคใหม่และบริษัทที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโลกการเงิน เปิดเริ่มต้นให้ลงทุนมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020
QQQJ อ้างอิงราคาขึ้นลงตามดัชนีแนสแด็กและแนสแด็ก 100 เมื่อพิจารณาสัดส่วนการถือครองหุ้น จะพบว่าสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 5 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มเทคโนโลยี 36.18% ตามมาด้วยกลุ่มเฮลท์แคร์ 21.47% กลุ่มผู้ให้บริการคมนาคม 13.70% กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 12.44% และกลุ่มอุตสาหกรรม 10.64%
หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 18% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $1,210 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Old Dominion Freight Line (NASDAQ:ODFL) Trade Desk (NASDAQ:TTD) AstraZeneca (NASDAQ:AZN) MongoDB (NASDAQ:MDB) และ Zebra Technologies (NASDAQ:ZBRA)
ตลอดระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด ราคาของ QQQJ ได้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 6.7% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในเดือนพฤศจิกายน แต่เพราะการระบาดระลอกใหม่ของโควิด และสถานการณ์เงินเฟ้อได้ทำให้ QQQJ ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าว
QQQJ มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 32.42x และ 5.63x ตามลำดับ หากต้องการลงทุนใน QQQJ สามารถเข้าซื้อในช่วงกรอบราคานี้ได้เลย เพราะราคาได้ปรับตัวลดลงมามากแล้ว
2. ProShares S&P MidCap 400 Dividend Aristocrats ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $73.39
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $61.77 - $75.67
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 2.48%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.4% ต่อปี
นักลงทุนหลายคนอาศัยหุ้นที่มีการปันผลสูงในการสร้างกระแสเงินสดและกำไรให้กับพอร์ตลงทุน นั่นจึงเป็นที่มาของกองทุนที่สองที่มีชื่อว่า ProShares S&P MidCap 400 Dividend Aristocrats (NYSE:REGL) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนกับบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดกลาง แต่มีอัตราการเติบโตและการปันผลอยู่ในระดับที่ดีมาโดยตลอด ตามความเชื่อของนักเศรษฐศาสตร์ที่ว่าบริษัทใดที่มีเสถียรภาพในการจ่ายเงินปันผล มักจะเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางการเงินที่ดี
REGL เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 อ้างอิงความเคลื่อนไหวตามดัชนี S&P MidCap 400 Dividend Aristocrats Index ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 53 บริษัท เมื่อพิจารณาสัดส่วนการถือครองหุ้น จะพบว่าสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 5 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มการเงิน 28.07% ตามมาด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม 21.08% กลุ่มสาธารณูปโภค 20.19% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 11.03% และกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าจำเป็น 8.82%
หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 22% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $1,050 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Nu Skin Enterprises (NYSE:NUS) Renaissancere Holdings (NYSE:RNR) ONE Gas (NYSE:OGS) Essential Utilities (NYSE:WTRG) และ RPM International (NYSE:RPM)
ในระยะเวลา 52 สัปดาห์ล่าสุด REGL มอบผลตอบแทนกลับคืนสู่นักลงทุนมาแล้ว 18.6% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่เอาไว้ในเดือนพฤษภาคมปี 2021 มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 17.26x และ 2.11x ตามลำดับ สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับ REGL ควรรอให้ราคาลงมาที่ $72 ก่อนจึงจะพิจารณาได้ว่าเป็นจุดเข้าซื้อที่ปลอดภัย