รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ให้น้ำหนักกับ Commodityและ ดอกเบี้ย

เผยแพร่ 10/01/2565 09:01
อัพเดท 09/07/2566 17:32

การที่ ศบค. มีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่มีการทำ Lockdown โดยแม้จำนวนผู้ติด เขื้อ Covid-19 จะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความพร้อมในการรับมือ ของบ้านเราก็มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Vaccine เตียงที่พร้อมรองรับผู้ป่วยระดับ ต่างๆ ประกอบกับการที่ผู้ป่วยจาก Omicron มีอาการไม่รุนแรง แนวทางดังก บ่าวน่าจะจำกัด Downside ต่อประมาณการ GDP และกำไรบริษัทจด ทะเบียน แต่อย่างไรก็ตามในเชิง Sentiment ต่อตลาดหุ้นน่าจะจะสร้างแรง กดดันให้การปรับขึ้นในช่วงเวลานี้ยากลำบากขึ้น สำหรับ Theme การลงทุน จะให้ความสำคัญกับหุ้น Commodity และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทาง ดอกเบี้ยโลกเป็นขาขึ้นเป็นหลัก

คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1645 – 1665 จุด พอร์ตจำลอง ให้ เปลี่ยนหุ้น CRC ซึ่งได้รับผลกระทบจาก Sentiment เรื่อง Omicron เป็น IVL(น้ำหนัก 10%) หุ้น Top Pick เลือก CPF, IVL และ KBANK (BK:KBANK)

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้นต่อ ทั้ง Soft และ Hard Commodity

แม้รวมตลาดการเงินทั่วโลกจะมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนสูง แต่ ASPS มองว่าสินทรัพย์ ที่แนวโน้มขาขึ้นค่อนข้างชัดเจนกว่าคือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้ง Soft Commodity และ Hard Commodity

Soft Commodity

  • ราคาสุกรหน้าฟาร์มวันที่ 7 ม.ค. 2565 อยู่ที่ 110 บาท/กก. ปรับ เพิ่มขึ้นถึง 17.0%wow และทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสาเหตุ หลักมาจากปัญหาสุกรขาดแคลน จากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง อีก ทั้งผู้เลี้ยงรายย่อยบางส่วนขายสุกรออกมาก่อนวัยในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ความต้องการบริโภคสุกรฟื้นตัวดีขึ้น ตามเศรษฐกิจ โดย ASPS ประเมินแนวโน้มราคาสุกรหน้าฟาร์มจะยืนสูงต่อเนื่องในงวด 1H65

  • ราคาไก่เป็นวันที่ 7 ม.ค. 65 อยู่ที่ 38 บาท/กก. ทรงตัวสูงจากสัปดาห์ ก่อน แต่ปรับเพิ่มขึ้นถึง 26.7% นับตั้งแต่พ.ย.64 และทำจุดสูงสุดใน รอบ 4 ปี จากความต้องการบริโภคเนื้อไก่ฟื้นตัว

Hard Commodity: โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมันดิบ, ถ่านหิน, ก๊าซ ธรรมชาติ เชื่อยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ แม้ระยะสั้นจะพักตัวบ้าง โดยราคา น้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากความกังวล COVID-19 สายพันธุ์Omicron ที่ผ่อน คลายลง หลังหลายประเทศประกาศค่อนข้างชัดว่าจะไม่ Lockdown หนุน ความต้องการใช้น้ำมันยังฟื้นตัวต่อ ส่วนทาง Supply มีแรงเสริมจาก OPEC+ ยังคงการปรับเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.พ. 2565

จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้ง Soft Commodity และ Hard Commodity ที่ยังอยู่ใน แนวโน้มขาขึ้น จึงคาดว่าหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์จะมีแนวโน้มขาขึ้นตามไปด้วย เช่น กลุ่ม Soft Commodity แนะนำ CPF (FV@B28) เนื่องจากมีสัดส่วนธุรกิจสุกรและไก่ใน ประเทศรวมกันราว 20% และแนวโน้มธุรกิจในต่างประเทศฟื้นตัว ประกอบกับราคา ราคาปัจจุบันมี PBV อยู่ที่ประมาณ 1.0 เท่า และยังแนะนำเก็งกำไร GFPT ที่ได้ผลบวกจากทิศทางราคาสุกรและไก่ฟื้นตัวด้วย ส่วนกลุ่ม Hard Commodity แนะนำหุ้นในกลุ่มน้ำมัน, โรงกลั่นและปิโตร เช่น PTTEP , PTT (BK:PTT) TOP , PTTGC และ IVL

กระแสดอกเบี้ยโลกขาขึ้นยังมี บวกต่อหุ้นประกัน และธนาคารพาณิชย์

ประเมินสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยคาดยังผันผวน จากปัจจัยภายนอก : หลักๆจากในสหรัฐ จากกระแสการขึ้นดอกเบี้ยที่อาจจะเขึ้นในช่วงปลาย 1Q65 หรือ ต้น 2Q65, การลด QE , การลด Balance sheet ของ Fed จะทำเร็วขึ้น ในช่วงงวด 1Q65 สนับสนุนจาก รายงาน Fed minutes ที่ออกมาในสัปดาห์ก่อนหน้า และวันศุกร์ที่แล้ว รายงาน ตัวเลข อัตราการว่างงานสหรัฐ เดือน ธ.ค ลดลงต่อเนื่อง ล่าสุด ต่ำ 4% อยู่ที่ 3.9% ถือว่าเป็น ระดับต่ำมาก ใกล้เคียงกับก่อนเกิด COVID-19 โดยในสัปดาห์นี้ ต้องติดตาม 2 ตัวเลข วันพุธที่ 12 ม.ค. 2565 รายงานอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ธ.ค. Consensus คาดทรง ตัวสูง 7%yoy หากเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด ประเมินจะเป็นการสร้างความกัง ดอกเบี้ยขาขึ้นกลับมาอีก และเป็น แรงกดดัน ต่อสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งตลาดหุ้น ,หุ้นกลุ่ม Tech สหรัฐ กดดัน Bond yield ปรับขึ้นต่อ ล่าสุด วันศุกร์ อัตราผลตอบแทน พันธบัตรอายุ 10 ปี สหรัฐ ขึ้นต่อเนื่องและไปแตะใกล้เคียงสุดสูงสุดของ มี.ค.2564 อยู่ ที่ 1.77% (ดีต่อหุ้นประกันชีวิต BLA และกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ BBL , KBANK , SCB TISCO อีกฝั่งนึงจะหนุนเงินดอลลาร์ และทำให้เงินบาทชะลอการแข็งค่า หรือ กลับมา อ่อนค่า 2.) วันศุกร์ที่ 14 มค. ตัวเลขการค้าของจีน เดือน ธ.ค. ทั้งส่งออกและนำเข้า Consensus คาดขยายตัว Double digit ราว 20%yoy บวกต่อหุ้นส่งออกอาทิ NER, CPF, TU ฯลฯ

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ศบค. ไม่ Lockdown เศรษฐกิจ กระทบ GDP จำกัดการระบาด COVID-19 ข้อมูลวันที่ 9 ม.ค. 2565 รายงานว่าไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,11 ราย (สูงสุดในรอบ 2 เดือน) เพิ่มจากวันก่อน 8,2563 รายสถานการณ์ที่น่ากังวลข้างต้น ส่งผลให้ส่งภาครัฐปรับมาตรการรับมือไปในเชิงรุกมาก ขึ้น โดยที่ประชุม ศบค. วันศุกร์ที่ผ่านมาประกาศปรับมาตรการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไป ตามคาด หรือเข้มกว่าคาดเล็กน้อย เช่น ปรับพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 39 จังหวัด เป็น 69 จังหวัด

• สถานบันเทิงให้เปิดได้เพียงส่วนร้านอาหาร ในวันที่ 16 ม.ค. 2565 แต่ส่วนกิจการสถานบันเทิงยังห้ามเปิดดำเนินการ

• พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัด บริโภคสุราในร้านไม่เกิน 21.00 จากเดิมไม่กำหนด

• ระงับระบบการคัดกรองแบบ Test and Go ออกไปก่อน จากเดิมจะสิ้นสุดช่วงสิ้นเดือน ม.ค. 2565

• ชะลอการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวระยะ 3 ออกไปก่อน จากเดิมจะเปิดใน

เดือน ม.ค. 2565

มาตรการข้างต้น ส่วนใหญ่เข้มกว่าคาดเล็กน้อย โดยเฉพาะการระงับ Test and Go ชะลอเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวแบบไม่มีกำหนด แต่มาตรการข้างต้นยังไม่มีการ Lockdown แต่อย่างใดช่วยให้ Downside ของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2565 มี จำกัด ส่วนความกังวล COVID-19 สายพันธุ์Deltacron (Delta + Omicron) ยังต้อง ติดตามต่อไป เพราะปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาคุณลักษณะ แต่เริ่มมีนักวิชาการ ประเมินว่า Deltacron อาจถูกแทนที่ด้วย Omicron ที่ระบาดง่ายกว่า โดยสรุป ASPS เชื่อว่าจากประเด็นต่างๆข้างต้น หากราคาหุ้นได้รับแรงกดดันจาก Sentiment ลบ จะ มองเป็นจังหวะสะสมหุ้น เพื่อหวังผลตอบแทนในระยะถัดไป

สภาพคล่องลดกดดันตลาดหุ้น แต่ในเชิง Valuation SET ยังได้เปรียบ แนะ KBANK CPF IVL

ความกังวลสภาพคล่องในระบบลด กดดันตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ปรับตัวลง - 1.9%ytd และ NASDAQ ลง -4.5%ytd ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันเช่นกัน แต่ยัง Outperform กว่า โดยให้ผลตอบแทน 0.0%ytd ขณะที่ Fund Flow ที่ไหลออกตลาด หุ้นไทยหลักๆ เกิดจากกองทุนในประเทศที่ขายสุทธิ 1.0 หมื่นล้านบาทytd ส่วนหนึ่ง เกิดจากกองทุน LTF ปี 2559 ครบกำหนดอายุในการไถ่ถอนได้ แต่ต่างชาติยังคงซื้อ สุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง 8.4 พันล้านบาท คอยพยุงตลาด ความกังวลต่อสภาพคล่องในระบบการเงินลดลงจากนโยบายการเงินตึงตัวของตลาด หุ้นพัฒนาแล้วที่เร่งตัวขึ้น ตามกลไกกดดันให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่ต่ำลง แต่ตลาด หุ้นไทยถือมีความได้เปรียบในเชิง Valuation คือ ทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ที่มี โอกาสเติบโต 11% (สูงกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วเติบโตเฉลี่ย 6 – 8%) รวมถึงดอกเบี้ย ไทยยังมีโอกาสยืนในระดับต่ำต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับไปสู่ภาวะปกติก่อนเกิด โควิด ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน Valuation SET ในระดับดอกเบี้ยนโยบายที่แตกต่างกัน เพื่อให้นัก ลงทุนเข้าใจกลไกของ MEYG ได้ชัดขึ้น ภายใต้ MEYG ที่ระดับ 3.9% (ค่าเฉลี่ยในอดีต) และ EPS65F ที่ 81.8 บาท/หุ้น (คาดโอไมครอนกระทบไม่มาก) และ Bond Yield 1 ปี ที่ 0.62% – 0.5% จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2565 กรอบที่ฝ่ายวิจัยประเมิน 1810 – 1860 จุด แต่ถ้ามีการขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งดัชนีเป้าหมายลดลงมาอยู่ที่ 1760 จุด และถ้าขึ้น ดอกเบี้ย 2 ครั้ง เหลือดัชนีเป้าหมาย 1670 จุด

สรุปคือตลาดหุ้นไทยยังมีความได้เปรียบตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ในเชิง Valuation จากดอกเบี้ยที่มีโอกาสยืนระดับต่ำนาน หนุนเงินฝากที่ล้นระบบไหลเข้ามาพยุง ตลาดหุ้น กลยุทธ์เน้นสะสมหุ้นพื้นฐานดีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว KBANK (ได้ ประโยชน์นโยบายการเงินตึงตัว) , CPF (ราคาเนื้อสัตว์ยังยืนระดับสูง), IVL (เป็น กลุ่มหุ้นที่ Outperform ในช่วงนี้ และผลประกอบการงวด 4Q64 เติบโตเด่นกว่าใน อดีต) เป็น Top pick

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย