Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (7 ถึง 11 ก.พ. 2565) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,6301,685 จุด SET สัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดที่ 1,674.22 จุด เพิ่มขึ้น 34.71 จุด (+2.12%) โดยมีปริมาณการ ซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 6.59 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.3%Wow โดยการฟื้นตัวของ SET เป็นผลมาจาก แรงซื้อกลับ หลังสะท้อนปัจจัยลบจากการดําเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของหลายธนาคาร กลางทั่วโลก โดยเฉพาะเฟดที่ส่งสัญญาณการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มี.ค. 65 และความ เป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นในการดําเนินการลดขนาดงบดุล รวมทั้งแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ํามันดิบ ที่ปรับเพิ่ม สัปดาห์นี้ติดตาม การประชุม กนง. (9 ก.พ.) และการรายงานผลประกอบการ 4Q64 ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามรายงานดัชนี PMI ภาคบริการของจีน และ PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่น รวม ไปถึงการรายงาน CPI สหรัฐฯ (10 ก.พ.) เรายังแนะนําเก็งกําไร หุ้นในกลุ่ม Oil play ขณะทึกลยุทธ์หลัก เรายังแนะนํา ทยอยสะสมหุ้นที่ถูกคาดหมายกําไรสุทธิ 4Q64 เติบโตโดดเด่น ได้แก่ BEC BH TU และ SPALI รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มหุ้น Domestic และหุ้นที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างกลุ่ม ธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว อุปโภคบริโภค ค้าปลีก Icf และขนส่ง ตามพอร์ต Core Investment ของเรา ปัจจัยกดดันตลาด หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจดีกว่าคาด คาดเฟดเดินหน้าดําเนินนโยบาย การเงินเข้มงวด เรามองเป็นบวกต่อ KBANK (BK:KBANK) BBL และ BLA - สหรัฐฯ รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ สําคัญ 2 ส่วนได้แก่ (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 467,000 ตําแหน่ง ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สูงกว่าที่ Market Consensus คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 150,000 ตําแหน่ง และ (2) อัตราการว่างงาน (Unemployment rate) สหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.0% สูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ 3.9% ทําให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับเชิงลบทันที โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการซื้อขาย รวมไปถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.316% และ 1.916% ตามลําดับ จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อการดําเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของเฟด โดยเรา ยังคงต้องติดตามรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ม.ค. (มีกําหนดรายงาน 10 ก.พ. ทราบผลเช้าวันที่ 11 ก.พ. ตามเวลาไทย) โดย Market Consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.59%MoM และเพิ่มขึ้น 7.3%YoY โดยยังคง เป็นผลจากราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม และผลกระทบจาก Low base effect เมื่อเทียบ YoY โดยก่อนหน้านี้ BoE ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 0.5% พร้อมลดขนาดงบดุลจากวงเงิน 8.95 แสนล้านปอนด์ ขณะที่ ECB คงอัตราดอกเบียรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ําสุดเป็น ประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ตามคาด โดย ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตาม มาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโร ในเดือน มี.ค. แต่เราคาดว่า ECB จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบีย ในปี 2565 ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ในช่วงปลายปี 2565 ประเด็นดังกล่าวจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน ได้แก่ KBANK BBL KTB TTB และ BLA
สภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐฯ หนุนราคาน้ำมัน แนะเก็งกําไร Oikplay เลือก PTTEP SPRC และ BCP - ราคาน้ํามันดิบยังคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 92.31 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.11 เหรียญจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ (+4.76 Wow) ทําให้ราคาน้ํามันดิบ WTI ในปี 2565YTD ปรับเพิ่มกว่า 21.8% สะท้อนปัจจัยบวกจาก Seasonal Demand การเพิ่มกําลังผลิต น้ํามัน รวมไปถึงสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งจะกระทบการส่งออกก๊าซฯ จากรัสเซียไปยุโรป จนนําไปสูงความ ต้องการใช้น้ํามันที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อทดแทนปริมาณที่ขาดหายไป จนทําให้ราคาน้ํามันดินปรับขึ้นมาซื้อขายอยู่ ในกรอบ 85-90 เหรียญต่อบาร์เรล ตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามราคาน้ํามันดิบยังมีแนวโน้ม
ที่จะปรับเพิ่มต่อเนื่องและสูงกว่ากรอบปัจจัยพื้นฐานที่เราประเมินไว้ จากสภาพอากาศในสหรัฐฯ ที่หนาวเย็น โดยเฉพาะในรัฐ Tennessee Texas และ Arkansas ทําให้เกิดความต้องการใช้น้ํามันในกลุ่ม Heating Oil เพิ่มขึ้น รวมไปถึงความกังวลที่สภาพอากาศอาจกระทบการผลิตน้ํามันและการกลั่น ในระยะต่อไป โดยในปี 2564 สหรัฐฯ ได้มีการระงับการผลิตน้ํามันในเขตลุ่มน้ําเพอร์เมียน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ํามันจากหินดินดาน ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จากปรากฏการณ์ Polar Vortex เรายังแนะนํา เก็งกําไร หุ้นในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ PTTEP PTT (BK:PTT) TOP SPRC WAY, BCP บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: CRC Earnings Preview: CRC (เก็งกําไร, ราคาเป้าหมาย 37 บาท) แนวโน้ม 4Q64 พลิกเป็นกําไร ฟื้นตัวอย่างน่า ประทับใจ - คาดกําไรสุทธิ 4Q64 ที่ 2,347 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิใน 3Q64 SSSG ของบริษัทใน 4Q64 เติบโต 8%YoY เติบโตในทุกประเทศ คาดรายได้รวมที่ 54,624 ล้านบาท เติบโต 15%YoY และ 41%QoQ เติบโตจากธุรกิจแฟชั่นและธุรกิจฮาร์ดไลน์ แต่ธุรกิจอาหารยังอ่อนตัว คาดอัตรากําไรที่ 279% สูงขึ้นจากอัตรา กําไรธุรกิจแฟชั่นที่เพิ่มขึ้น SSSG ของบริษัทเดือน ม.ค. 65 เติบโต 27% YoY เติบโตทุกธุรกิจ แนะนํา “เก็งกําไร” ให้ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาค เกษตร เดือน ม.ค. 65 เพิ่มขึ้น 467,090 ตําแหน่ง สูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ระดับ 150,000 ตําแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ, 4.0% (คาดที่ระดับ 3.9%) มุมมองทางเทคนิค - เราคาว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,655-1,675 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัยทาง เทคนิค เราเลือก BEC TOP และ WHAUP