ปี 2022 ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีความวุ่นวายอยู่พอสมควร จากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน เงินเฟ้อ ซึ่งวงการซอฟต์แวร์ที่บริการด้วยคลาวด์ (SaaS) ก็ไม่อาจหนีพ้นจากความอลม่านนี้ได้ เราสามารถสังเกตความตกต่ำนี้ได้จากดัชนี NASDAQ Composite ที่ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ไม่สามารถทำขาขึ้นได้อย่างหวือหวาเหมือนเช่นในช่วงโควิด นอกจากนี้ กองทุน ETF ที่เน้นลงทุนใน SaaS ก็แสดงพฤติกรรมราคาที่มีความสอดคล้องกัน
กองทุน ETF อย่าง First Trust Cloud Computing ETF (NASDAQ:SKYY) และ Global X Cloud Computing Fund (NASDAQ:CLOU) ต่างก็ปรับตัวลดลง 26.5% และ 26.2% ตามลำดับ เทียบกับดัชนีแนสแด็กที่ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบันได้ร่วงลงไปแล้วทั้งหมด 19.7%
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เราก็ยังเชื่อว่าการเติบโตทางเทคโนโลยีคือสัญญาณของการที่มนุษยชาติมีการพัฒนาไปข้างหน้า และนวัตกรรมจะไม่มีวันหายไป ดังนั้นในบทความนี้เราจึงมาแนะนำหุ้นสามตัว ที่กำลังจะรายงานผลประกอบการในเร็วๆ นี้ ซึ่งคุ้มค่าแก่การพิจารณาอย่างแน่นอน
1. Cloudflare
- วันรายงานผลประกอบการ: วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม
- คาดการณ์อัตราการเติบโตของ EPS: +133.3% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของรายได้: +49% YoY
- พฤติกรรมราคาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -31.8%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $29,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทผู้ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์อย่าง Cloudflare (NYSE:NET) ถูกเทขายอย่างหนักตามหุ้นกลุ่มเติบโต ที่เชื่อว่ามีมูลค่าสูงเกินไปในวันที่โควิดเริ่มไม่เป็นที่พูดถึงในโลกตะวันตกอีกแล้ว
ในช่วงที่โควิดระบาด หุ้น Cloudfare เคยทะยานขึ้นมากถึง 345% ในปี 2020 และ 73% ในปี 2021 แต่พอมาเป็นปีนี้ ราคาหุ้น NET กลับร่วงลงไปแล้วประมาณ 32% จากความกังวลที่มีต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ว่าจะทำให้หุ้นเทคถูกเทขายอย่างต่อเนื่อง NET เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ที่ $221.64 แต่ปัจจุบันมีราคาปิดล่าสุดที่ $89.68 ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลนั้น 59.5% 
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 บริษัท Cloudfare สามารถรายงานผลกำไรเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ดังนั้นในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย นักลงทุนจึงหวังว่าจะได้เห็นตัวเลขกำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้นจาก $0.03 ต่อหุ้น ในขณะที่กำไรควรจะเติบโตขึ้น 49% YoY หรือคิดเป็น $205.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นว่ายังมีความต้องการความปลอดภัยบนเว็บไซต์และบริการเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สิ่งที่นักลงทุนหวังจะได้เห็นจากรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือการเติบโตของยอดผู้ใช้บริการของ Cloudfare ในไตรมาสที่ 4 บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ว่าลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มชำระค่าบริการ $100,000 ต่อปีเพิ่มขึ้น 71% YoY ด้วยความต้องการบริการรักษาความปลอดภัย ในวันที่มีสถานการณ์ความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศ เราจึงเชื่อว่าหุ้นของ Cloudfare มีโอกาสจะทะยานขึ้นอีกครั้งหลังจากรายงานผลประกอบการ
อ้างอิง: Investing.com
มุมมองของนักวิเคราะห์จาก Investing.com ก็มีความคล้ายกัน นักวิเคราะห์ 13 จาก 25 คน เชื่อว่าหุ้น NET มีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 73% จากระดับราคาปัจจุบันที่ $155.19 ต่อหุ้น มีเพียงนักวิเคราะห์แค่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าควรเทขายหุ้นตัวนี้
2. Palantir Technologies
- วันรายงานผลประกอบการ: วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม
- คาดการณ์อัตราการเติบโตของ EPS: -25% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของรายได้: +29.9% YoY
- พฤติกรรมราคาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -42.1%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $21,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทต่อมาที่เราอยากจะแนะนำในบทความนี้คือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลและบริการให้กับตัวแทนของรัฐบาลและบริษัทขนาดใหญ่นาม Palantir Technologies (NYSE:PLTR) เช่นเดียวกันกับหุ้นเทคฯ ตัวอื่นๆ หุ้นบริษัทนี้ได้รับผลจากการเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้น PLTR ร่วงลงมาแล้ว 42% จากความกังวลที่มีต่อการทำนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐฯ
หุ้น PLTR มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $10.55 เคยลงไปสร้างจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ $9.74 ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งราคาปิดเมื่อวันอังคารมีความห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $45.00 ในเดือนมกราคมปี 2021 อยู่ 77% 
ในรายงานผลประกอบการของไตรมาสก่อนหน้า ตัวเลขที่ออกมามีความไม่สอดคล้องกันหลายส่วน ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่ารายงานผลประกอบการในวันจันทร์หน้านี้อาจจะได้เห็นตัวเลข EPS ลดลงจาก $0.04 เป็น $0.03 ประมาณ 25% ในขณะที่ตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 30% YoY หรือคิดเป็น $443.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจกับอัตราการเติบโตของธุรกิจที่ทำงานร่วมกันกับรัฐบาล ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของกำไรของบริษัท Palantir ทั้งหมด ในไตรมาสที่ 4 กำไรในส่วนนี้เพิ่มขึ้น 26% จากตัวเลขในปีที่แล้ว $239 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ และจำนวนลูกค้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้น 132% และ 71% ตามลำดับในไตรมาสที่แล้ว ก็จะได้รับความสนใจเช่นกัน เนื่องจากบริษัทบิ๊กดาต้า Palantir พยายามกระจายฐานลูกค้า บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายการดูแลข้อมูลไปสู่ภาคส่วนอื่นๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การผลิต และพลังงาน
ตามความเห็นของเรา ขาลงในหุ้น PLTR สร้างโอกาสในการซื้อและถือครองในระยะยาวเป้นอย่างดี เพราะในแง่ของภาพรวมแล้ว กำไรของบริษัทยังถือว่าเติบโตจากความต้องการซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูล โมเดลคำนวณหุ้น InvestingPro เชื่อว่ายังมีโอกาสที่หุ้น PLTR จะปรับตัวขึ้นอีกประมาณ 17% ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า และมีระดับราคาหุ้นที่ควรจะเป็นอยู่ที่ $12.31
อ้างอิง: InvestingPro
3. Unity Software
- วันรายงานผลประกอบการ: วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม
- คาดการณ์อัตราการเติบโตของ EPS: +20% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของรายได้: +36.6% YoY
- พฤติกรรมราคาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -52.5%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $20,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทผู้ให้บริการเล่นเกมข้ามแพลตฟอร์มนาม Unity Software (NYSE:U) เป็นหุ้นตัวสุดท้ายที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ การเทขายหุ้นเทคฯ ทำให้หุ้นของบริษัทยูนิตี้ร่วงลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้น U ร่วงลงไปแล้วมากถึง 52.5% ทำให้ปัจจุบันมีราคาซื้อขายต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาล 68% ที่ $210.00 มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $67.87
การเติบโตของอุตสาหกรรมเกมในช่วงสองปีแห่งโควิดทำให้หุ้น U สามารถทำกำไรเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในไตรมาสที่แล้วได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และนักวิเคราะห์ก็หวังว่าจะได้เห็นภาพเช่นนั้นอีกในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ในวันอังคารที่ 10 พฤษภาคมนี้ ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะได้เห็นตัวเลขกำไรเติบโตขึ้น 37% YoY เป็น $320.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลข EPS เพิ่มขึ้นจาก $0.08
ข้อมูลที่นักลงทุนต้องการทราบจากรายงานผลประกอบการของ Unity คือผู้ใช้บริการจะยังมีกำลังทรัพย์จ่ายค่าบริการรวมกันแล้วมากกว่า $100,000 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมา 33% จากไตรมาสที่แล้วได้หรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังอยากทราบความคิดเห็นจากฝ่ายบริหารของ Unity Software เกี่ยวกับแนวโน้มในเดือนหน้า ก่อนหน้านี้บริษัทเทคโนโลยีเคยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนของบริษัทจะมาถึงในปี 2023
อ้างอิง: Investing.com
Investing.com เชื่อว่าระดับราคาเป้าหมายหุ้นโดยเฉลี่ยของ Unity จะอยู่ที่ $139.50 เพิ่มขึ้นจากระดับราคาในปัจจุบัน 105.5% ภายในกรอบระยะเวลาอีก 12 เดือนข้างหน้า แม้ว่าราคาหุ้นจะมีการย่อตัวลงไปบ้าง แต่เราก็ยังเชื่อว่าหุ้นตัวนี้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนในหุ้นเทคฯ เนื่องจากว่าเกมก็คือพื้นฐานของโลกเมต้าเวิร์ส ซึ่งจะเป็นก้าวต่อไปของมนุษยชาติ