🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

เฟดจะยังคงเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จากการยืนยันของประธานเฟดเป็นวันที่ 2

เผยแพร่ 09/03/2566 22:13
อัพเดท 09/07/2566 17:32
DX
-
COIN
-

เฟดจะยังคงเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จากการยืนยันของลุงพาวเวลล์เป็นวันที่ 2 ในเมื่อคืนนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 โดยได้กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวย้ำในเมื่อคืนนี้ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ

"เรายังไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการประชุมในเดือนมี.ค. และที่สำคัญคือ เฟดไม่มีการกำหนดแนวทางเอาไว้ล่วงหน้า โดยการตัดสินใจของเฟดจะถูกกำหนดจากข้อมูลที่เข้ามา และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถ้าข้อมูลบ่งชี้ให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น เราก็พร้อมที่จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นายพาวเวลกล่าว

นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวในเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

"ข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เราก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"

"แม้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลง หลังจากแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้ว แต่กระบวนการทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกล และไม่ราบรื่น" นายพาวเวลกล่าว และเสริมว่าภารกิจในการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟดยังคงไม่สิ้นสุด และเฟดจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้ และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในกรอบ 5.50-5.75% ในเดือนมิ.ย. รวมทั้งเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวลในเมื่อคืนนี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 28.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%

นายสตีเวน บลิทซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัททีเอส ลอมบาร์ด กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

"เฟดจะไม่ออกจากวงจรดังกล่าว จนกว่านายเจอโรม พาวเวลจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเกิดภาวะถดถอย และจนกว่าอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้น ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ เฟดจึงจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"

"เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยอย่างแน่นอน และเฟดจะกดดันจนกว่าอัตราการว่างงานแตะระดับ 4.5% เป็นอย่างน้อย และผมคาดว่าอาจไปสูงถึง 5.5% ขณะที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับ 6.5% ก่อนที่สิ่งต่างๆจะชะลอตัวและปรับตัวลงอย่างแท้จริง" นายบลิทซ์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC

ในขณะที่แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุด 6% หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้ เพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้

"เราคิดว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 6% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่งเพื่อชะลอเศรษฐกิจ และเพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงใกล้ 2%" นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของแบล็คร็อคระบุในรายงาน

"เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากกว่าคาด เนื่องจากไม่ได้มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเหมือนกับในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และความยืดหยุ่นดังกล่าวได้ทำให้การแก้ไขปัญหาของเฟดมีความซับซ้อนมากขึ้น"

"เศรษฐกิจสหรัฐก็เหมือนกับโพลียูรีเทน ซึ่งเป็นสารที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้สูง แต่ก็มีความคงทนและมีความแข็งแกร่ง" รายงานระบุ

และการยืนยันเดินหน้าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไปของลุงพาวเวลล์ในเมื่อคืนนี้ ได้ส่งผลกระทบมายังสินทรัพย์เสี่ยงที่มีความอ่อนไหวต่อสภาพคล่องในตลาดอย่าง Cryptocurrency

ราคา BTC ร่วงหลุดระดับ 22,000 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะฉุดสภาพคล่องในตลาด

ณ เวลา 17:00 น.ตามเวลาไทย ราคา BTC ร่วงลงหลุดระดับ 22,000 ดอลลาร์ สู่ระดับต่ำสุดในวันนี้ที่ 21,520 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase (NASDAQ:COIN)

ราคา BTC เคยพุ่งขึ้นทะลุ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.2565 ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลจะฉุดสภาพคล่องในตลาด

ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์เปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า ธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐยังคงฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าบริษัทเหล่านี้เผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากภาวะเงินเฟ้อสูงและการขาดแคลนแรงงาน โดยรายงานดังกล่าวมีชื่อว่า "The LatestSmall Business Credit Survey for 2022" ซึ่งเฟดสาขาคลีฟแลนด์เผยแพร่ในนามของเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวระบุว่า แม้ว่าธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในปี 2565 เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้านั้น แต่สภาวะสมดุลของธุรกิจยังคงอ่อนแอกว่าในช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาดครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่การสำรวจเมื่อปี 2563 ที่ธุรกิจขนาดเล็กมีแนวโน้มว่าจะรายงานรายได้และจำนวนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แทนที่จะลดลง และราคาหุ้นของบรรดาบริษัทที่มีผลกำไรจากการดำเนินการนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของธุรกิจขนาดเล็กในปีที่แล้ว เกิดขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับบริษัทจำนวนมากที่ตอบแบบสำรวจ นอกจากนี้ การจ้างงานท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวนั้น ก็เป็นปัญหาที่หลายบริษัทต้องเผชิญ

และจากรายงานล่าสุดที่ได้ออกมาในเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ 12 เขต หรือ Beige Book ในวันพุธ (8 มี.ค.) โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนม.ค.จนถึงปลายเดือนก.พ. ขณะที่แรงกดด้านเงินเฟ้อยังคงขยายตัวเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ดี ธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ ของสหรัฐคาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่คำนวณจากราคาผู้บริโภคนั้น จะปรับตัวขึ้นไม่มากนักในปีนี้

รายงาน Beige Book ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่แล้ว และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ปัญหาห่วงโซ่อุปทานมีแนวโน้มผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าเงินเฟ้อในหลายเขตของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง

รายงาน Beige Book ยังระบุด้วยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ข้อมูลจากเฟดใน 6 เขตระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่เฟดออกรายงาน Beige Book ครั้งหลังสุดในเดือนม.ค. ขณะที่อีก 6 เขตระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวเล็กน้อย ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงทรงตัวเมื่อพิจารณาในภาพรวม แต่ก็มีบางเขตที่รายงานว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นปานกลางถึงแข็งแกร่งในช่วงเดือนม.ค.จนถึงเดือนก.พ.ซึ่งปกติแล้วมักจะเป็นช่วงที่ยอดค้าปลีกชะลอตัวลง

นอกจากนี้ รายงาน Beige Book ยังระบุว่า กิจกรรมด้านการเดินทางและท่องเที่ยวในเขตส่วนใหญ่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ขณะที่ภาวะในตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งเช่นกัน

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร (7 มี.ค.) ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้าย (Terminal Rate) ของเฟดอาจจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เฟดก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย