ลดลงเยอะ ตั้งแต่ยอดขาย มาร์จิ้น จนมาถึงกำไรสุทธิ
โดยสรุปมี 3 ประเด็นที่เป็นปัญหา คือ
1. ลูกค้าหลักที่ตลาดสหรัฐและยุโรปสต๊อกสินค้าเยอะ (อาหารแมว) ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ออเดอร์ชะลอตัวลง ลูกค้าหลักของ ITC มี 3 ราย คิดเป็น 43% ของยอดขายรวม
>> ข้อแรกกระทบยอดขายเต็มๆ เหลือแค่ 3,600 ล้านบาท จากช่วงพีคขึ้นไป 6,000 ล้านบาท
2. ราคาขายสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมลดลง เพราะลูกค้าปรับ mix ทั้งสินค้า เนื้อแดง บรรจุภัณฑ์ และเน้นขายสินค้าที่ขายดีแทน
>> อันนี้กระทบ GPM ให้เหลือ 17.4% จากช่วงพีค 28% และน่าเป็นห่วงว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดีหรือเปล่า ลูกค้าเลยเปลี่ยนแผนมาลดต้นทุน
3. ต้นทุนไก่ ทูน่า พลังงาน บรรจุภัณฑ์เพิ่ม ประเด็นนี้ก็ซ้ำเติมมาร์จิ้นต่อ
>> ที่น่าห่วง คือ ราคาทูน่าตอนนี้เกือบ $2,000 แล้ว แปลว่า ต้นทุนในอนาคตก็ไม่ถูก
แต่ไม่ใช่ว่ามีแต่ข้อเสีย เรามาดูข้อดีบ้างดีกว่า
1. ตัวเลข Dog Food ยังโตได้ดี
2. ยอดขายไปญี่ปุ่นยังโตได้ดี
3. บุกตลาดจีนกับ partner หนานจิง เจียเป่ย เพ็ทแคร์ โปรดักส์
ในแง่ราคาหุ้น วันนี้ก็ลงมาแรง 22.50 บาท เกือบ ATL ครั้งก่อน P/E 16 เท่า
พรุ่งนี้มี Analyst Meeting คำถามที่อยากรู้ คือ ลูกค้าสต๊อกของระบายไปหมดยัง และที่ผ่านมา คือ Pent Up Demand แค่ไหน ออเดอร์ปกติเริ่มกลับเข้ามาหรือยัง และมันควรจะเป็นเท่าไหร่กันแน่
และไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องยอดขาย แต่มีเรื่องต้นทุนที่ต้องจัดการทั้ง product mix ทั้งค่าไฟ ทั้งทูน่า รวมไปถึงการขยาย Cap อีกเกือบ 20% จะคุ้มค่าเสื่อมหรือไม่ ถ้าออเดอร์ไม่มา
ทั้งหมดทั้งปวง คือ สิ่งที่เราต้องหาคำตอบ และประเมินดูว่า คุ้มค่าแค่ไหนกับราคาตรงนี้ สถานการณ์ผ่านจุด bottom ไปหรือยัง เรามองว่า หุ้นตัวนี้ คือ หุ้นประเภทไหน ลองตอบคำถามต่างๆ ดูครับ เพราะตลาดมองไปข้างหน้าเสมอ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น