การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ 2 รายการวานนี้ส่งสัญญาณเชิงบวก เริ่มจาก ตัวเลขการส่งออก และนำเข้าของจีนเดือน ก.พ.67 ที่ออกมาสูงกว่าคาดมาก โดย เติบโต 7.1%และ 3.5%YOY ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับภาค การค้าระหว่างประเทศของบ้านเรา อีกตัวเลขหนึ่งเป็นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.พ.67 ของบ้านเรา ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และ เป็นระดับสูงสุดใน รอบ 48 เดือน ถือเป็นสัญญาณบวกต่อการบริโภคภาคครัวเรือน ECONOMIC INDICATOR ทั้ง 2 รายการน่าจะช่วยสร้าง SENTIMENTเชิงบวกให้กับตลาดหุ้น ได้ระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยังปรากฎการไหลออกของ FUND FLOW นัก ลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความคาดหมายเรื่องการปรับลดอัตรา ดอกเบี้ย โดยในส่วนของ FED คาดว่าจะปรับลดในเดือน มิ.ย.67 ส่วนบ้านเรา กระแสเรียกร้องให้ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม 10 เม.ย.67 มีมากขึ้น
แม้จะมีแรงหนุนจาก ECONOMIC INDICATOR แต่ยังต้องเผชิญกับ FUND FLOW ที่ไหลออก และ มูลค่าการซื้อขายที่บาง ทำให้SET INDEX ขยับขึ้นได้ยาก กำหนดกรอบ 1360 –1380 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BCH, MAJOR และ MTC
ัจจัยแวดล้อมดูสดใส คาดหนุน SET หายใจคล่องขึ้น
วานนี้ตลาดหุ้นโลกดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดบบวกราว 0.3% - 1.5% ขณะที่ฝั่งยุโรปปรับตัวสูงขึ้นราว 0.2% -1.2% จากความคาดหวังดอกเบี้ยขา ลงในปี 2567
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ประธาน FED ได้กล่าวยืนยันอีกครั้งต่อคณะกรรมาธิการ การธนาคารประจำวุฒิสภาว่า FED จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปรับลดดอกเบี้ย หาก เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการปรับตัวตามที่คาดหวังไว้ หรือ จนกว่าจะมีความเชื่อมั่นมาก ขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน โดย FED WATCH TOOL คาดด ว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มิ.ย. นี้ ส่วนการประชุม ECB ในรอบเดือน มี.ค. ได้มติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% ตามคาด พร้อม ทั้งคาดการณ์สว่าจะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มิ.ย. 67 หลังประเมินเงินเฟ้อจะ เข้าสู่กรอบเป้าหมาย 2% ในปี 2568
ขณะที่ฝั่งเอเชียมีรายงานยอดส่งออก-นำเข้าของจีนในเดือนม.ค.-ก.พ. ขยายตัวสูง ถึง 7.1%YOY และ 3.5%YOY ซึ่งออกมาดีเกินคาด ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า การค้าโลกฟื้นตัวรวมถึงเชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนต่อภาคส่งออกในบ้านเราเดือน ก.พ. ให้ปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่อง เป็นเพราะจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย น่าจะเป็นอานิสงค์เชิงบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจระหว่างประเทศ อาทิ PTTEP, PTTGC, SCC, SCGP, IVL, TU, NER, STA
สรุป เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังปัจจัยแวดล้อมดูดีขึ้น โดยมีปัจจัย เชิงบวกทั้ง FED ส่งสัญาณการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567 รวมถึงยอดส่งออกนำเข้าจีนดีเกินคาดในเดือนม.ค.-ก.พ. ส่งสัญญาณการค้าโลกฟื้นตัว
ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา น่าจะเป็นบวกต่อหุ้นไทย
ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมาดีขึ้นในเดือน ก.พ. 67 ทั้งในฝั่งของผู้บริโภคและนักลงทุน สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน ก.พ. ขึ้นมายืน 63.8 จุด ปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 พร้อมกับสูงสุดในรอบ 48 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมา มีความเชื่อมั่นหลังการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น บวกกับคาดหวังนโยบายในการ กระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของภาครัฐจะช่วงหนุนให้ภาพรวมดูดีขึ้น
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO INVESTOR CONFIDENCE INDEX: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 106.88 ปรับเพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้ามา อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (เดือน ม.ค.67 อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”) นอกจากนี้กลุ่มนักลงทุน ต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นสูงขึ้นถึง 66.7% โดยมองว่าภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้น บวกกับคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สรุป ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมาทั้งในฝั่งของผู้บริโภคและนักลงทุน เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุน สำคัญให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงกรุ้นให้มีการลงทุนในบ้านเราสูงขึ้นใน ระยะถัดไปด้วย คาดหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นนี้ อาทิ BJC CRC CPALL (BK:CPALL) AOT (BK:AOT) ERW CENTEL
หาหุ้นแกร่งกว่าตลาด พร้อมกับราคายังขึ้นไม่ทันกับกำไรที่
เปลี่ยนแปลงไป ภาพรวม SET INDEX เริ่มยืนทำฐานและน่าจะทยอยๆ ฟื้นได้หลังถูกกดดันหลังจาก รายงานงบ 4Q66 มาระยะหนึ่ง ขณะที่ FUND FLOW ต่างชาติยังมีโอกาสสลับเข้ามา ซื้อบ้างเป็นระยะๆ และช่วงนี้ดอลลาร์ยังอ่อนค่า โดย DOLLAR INDEX ล่าสุด 102.7 จุด (ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน) อาจเป็นแรงหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่า คอยช่วยพยุง FUND FLOW ชะลอไหลออกได้
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นที่น่าซื้อสะสม โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่แนะนำวันนี้ คือ หาหุ้นแข็งแกร่งกว่าตลาด และยังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ทันกำไรที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจาก รายงานงบปี 2566 เสร็จสิ้น ผ่านเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
• หุ้นที่ให้ผลตอบแทน OUTPERFORM ตลาดในปีนี้-> หุ้นที่ให้ผลตอบแทน ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) > 0 ถือว่าแข็งแกร่งกว่า SET ที่ -3.1%(YTD)
• เป็นหุ้นที่ขยับขึ้น แต่มี TRAILLING P/E ปัจจุบัน ลดลงต่ำกว่า P/E ในช่วง ปลายปี 2566 -> ปกติราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น P/E จะปรับตัวขึ้นด้วย แต่หุ้น ที่ปรับตัวขึ้นแต่ P/E ยังย่อตัว แสดงว่า ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นไปหา P/E ใน ระดับปกติไม่ทัน
ได้ผลลัพธ์ 20 หุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด และราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ทันกำไรที่ เปลี่ยนแปลงไป น่าสนใจซื้อสะสม (ตามตารางทางด้านล่าง)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities