ภาพรวมตลาดพลังงาน และโลหะมีค่าในสัปดาห์นี้

Investing.com - ราคาก๊าซธรรมชาติยังไม่ขยับไปไหนไกลเกินกว่า $6 mmBtu หลังจากปรับตัวขึ้นไปทดสอบ $7 mmBtu และวิ่งกลับลงมา สาเหตุราคาก๊าซธรรมชาติสามารถวิ่งไปได้ไกลขนาดนั้นเป็นเพราะความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลัง พวกเขากลัวว่าในฤดูหนาวนี้จะมีก๊าซธรรมชาติไม่พอใช้ 

สำนักงานกระทรวงพลังงานและสารสนเทศ (EIA) ของสหรัฐอเมริกาคาดว่าราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าจากตลาด NYMEX ณ ท่าเรือเฮนรี่จะมีราคาอยู่ที่ $6 ต่อ mmBtu โดยประมาณ และไม่ขยับไปไกลกว่านี้ตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงมกราคม ยิ่งไปกว่านั้น EIA ยังคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จนสามารถกลับลงไปมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $3.50 โดยประมาณในเดือนพฤษภาคมปี 2022 

สาเหตุที่ EIA เชื่ออย่างนั้นเป็นเพราะว่าปริมาณการผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จะเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม แน่นอนว่าการคาดการณ์นี้ขัดต่อนักลงทุนฝั่งขาขึ้นที่กำลังได้กำไรจากราคาก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพงที่สุดในรอบหลายปีตอนนี้อยู่ 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าปรับตัวลดลง 2.8% ปรับตัวลดลงเกือบ 1% จากขาลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูเหมือนว่าแรงส่งขาขึ้นที่เคยทำได้ 9.3% กำลังค่อยๆ จางหายไปจากตลาด อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาผลงานของกราฟก๊าซธรรมชาติตลอดทั้งปีจะพบว่าราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นสูงถึง 114% นักวิเคราะห์เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงเป็นเพราะเกมการฑูตของผู้นำรัสเซียที่มีต่อการส่งพลังงานไปยังยุโรป และปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้น

สิ่งที่เซอร์ไพรส์ตลาดและทำให้ขาขึ้นของก๊าซธรรมชาติยังไปต่อได้อีกคือรายงานก๊าซธรรมชาติคงคลังของสัปดาห์ที่ผ่านมา จากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 94 bcf แต่ตัวเลขจริงที่ออกมากลับมีอยู่เพียง 81 bcf เท่านั้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เกือบ 14% ส่งให้ราคาก๊าซธรรมชาติสปอตของท่าเรือเฮนรี่ปรับตัวขึ้นไปวิ่งอยู่ที่ประมาณ $5.60 - $5.96

รายงานภาพรวมของตลาดพลังงานระยะสั้นจาก EIA ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมระบุว่าความผันผวนในตลาดก๊าซธรรมชาติจะคงอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าความพลังงานในช่วงหน้าหนาวจะเพิ่มขึ้น จนทำให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังมีโอกาสขาดแคลนได้ EIA กล่าวว่าค่าเฉลี่ยการวิ่งของก๊าซธรรมชาติสปอตในไตรมาสที่สี่จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ $5.80 mBtu สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนกันยายน $1.80 mmBtu แต่ในเดือนมกราคม มีโอกาสเห็นราคาก๊าซธรรมชาติที่ $5.90 mmBtu ได้ ส่วนปี 2022 คาดว่าราคาจะลดลงไปวิ่งอยู่ที่ $4.01 mmBtu โดยประมาณ

ในช่วงฤดูหนาวนี้ EIA คาดว่ากำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติต่อวันจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 94 bcf และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 96.4 bcf ในปี 2022 ซึ่ง EIA ยังกล่าวอีกด้วยว่าการที่ราคาก๊าซธรรมชาติจะวิ่งอยู่ในระดับราคานี้ในปีหน้าจะช่วยกระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น การชี้แจงอย่างมีเหตุผลของ EIA ค่อนข้างทำร้ายจิตใจของนักลงทุนฝั่งขาขึ้นอยู่พอสมควร

ฝั่งของนักวิเคราะห์ บางคนไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยตลาดของ EIA ยังมีบางคนเชื่อว่าสภาพอากาศที่หนาวเหน็บในช่วงสิ้นปีจะเป็นตัวเพิ่มแรงกดดันให้กับราคาก๊าซธรรมชาติและ LNG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ยุโรป แดน เมเยอร์ นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates ให้ความเห็นว่า การคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของเขาถูกต้องที่ได้เห็นปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ถูกส่งเข้าคลังมีตัวเลขกลับมาที่ 90 bcf ได้ และเขาเชื่อว่าตัวเลขนี้จะคงอยู่ต่อไปตลอดช่วงหน้าหนาวนี้

จากรายงานสภาพอากาศของ NatGasWeather ระบุว่าฤดูหนาวของปีนี้อาจจะมาถึงช้ากว่าปกติไปอีกหนึ่งเดือน นับตั้งแต่เดือนนี้ไปจนถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน อากาศในสหรัฐจะยังไม่หนาวเท่าไหร่นัก เปิดโอกาสให้ขาขึ้นของก๊าซธรรมชาติได้ชะลอตัวลดลงบ้าง 

ไม่ใช่แค่ NatGasWeather เท่านั้น แต่ Bespoke เองก็วิเคราะห์สภาพอากาศออกมาคล้ายๆ กัน พวกเขาให้เหตุผลว่าสภาพอากาศในทะลเแปซิฟิกยังค่อนข้างผันผวน การผันผวนนี้จึงยังเปิดโอกาสให้กับอากาศอุ่นอยู่ และคาดว่าจะอยู่ไปจนถึงอย่างน้อยช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน

ภาพรวมตลาดน้ำมันดิบ

ตลาดน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่แปดติดต่อกัน นำโดยเบรนท์ทะเลเหนือที่สามารถขึ้นชน $85 ต่อบาร์เรลจนเกือบจะสามารถขึ้นถึง $90 ต่อบาร์เรลได้แล้ว การที่รายงานตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐฯ สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้เมื่อวันศุกร์ มีส่วนผลักดันราคาน้ำมันขาขึ้นครั้งนี้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ตลาดน้ำมันยังได้แรงส่งขาขึ้นมาจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน กับประเทศจีนที่จะลดโควตาการนำเข้าน้ำมันจากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันอิสระจากต่างแดน

ประเด็นที่นักลงทุนจะให้ความสนใจในสัปดาห์นี้คือสหรัฐอเมริกาอาจจะประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็ม และฉีควัคซีนตามยี่ห้อที่อเมริกากำหนด คาดว่าการประกาศยกเลิกดังกล่าวจะเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้ หากเป็นเช่นนั้นความต้องการพลังงานในส่วนของเครื่องบินก็จะกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ

อีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนตลาดพลังงานต้องจับตาดูการคาดการณ์ภาพรวมตลาดน้ำมันจาก EIA ในวันพฤหัสบดี นักวิเคราะห์ประเมินว่าวิกฤตในตลาดพลังงานตอนนี้อาจชี้ให้เห็นว่าโลกเราต้องการปริมาณการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 500,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 700,000 บาร์เรลต่อวัน ไม่ใช่ตัวเลข 400,000 บาร์เรลต่อวันอย่างที่กลุ่มโอเปกประเมินไว้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ WTI มีตัวเลขสูงสุดอยู่ที่ $82.48 ต่อบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 ในขณะที่ภาพรวมประจำสัปดาห์พบว่า WTI ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 3.7% สร้างสถิติขาขึ้นแปดสัปดาห์ติดต่อกัน ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือนั้นสามารถสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $85.09 ต่อบาร์เรล แต่ธนาคารชื่อดังอย่างโหลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ประเมินเอาไว้แล้วว่ามีโอกาสเห็นเบรนท์ที่ $90 ต่อบาร์เรลภายในปีนี้ อนึ่ง ตลอดทั้งปี ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 64%  

ปฏิทินรายงานตัวเลขสำคัญของตลาดพลังงานในสัปดาห์นี้

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม

รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจากภาคเอกชน

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม

รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก API

วันพุธที่ 20 ตุลาคม

รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก EIA

รายงานปริมาณน้ำมันเชื้องเพลิงสำรองจาก EIA

รายงานปริมาณน้ำมันสำรองที่ผ่านการกลั่นแล้วจาก EIA

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม

รายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังจาก EIA

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม

รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานจากเบเกอร์ ฮิวจ์

ภาพรวมตลาดทองคำ

ดูเหมือนว่าทองคำจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เพียงตัวเดียวที่ไม่เข้าร่วมปาร์ตี้ขาขึ้นกับเพื่อนๆ ในช่วงที่น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ บิทคอยน์พากันปรับตัวขึ้น บิทคอยน์ทำได้เพียงวิ่งขึ้นไปแตะ $1,800 ก่อนที่จะร่วงกลับลงมาวิ่งอยู่ที่ $1,750 โดยประมาณ สถานการณ์ของตลาดทองคำถูกซ้ำเติมด้วยรายงานตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันศุกร์ ที่ปรับตัวขึ้น 0.7% มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ -0.2%

ราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนธันวาคมบนตลาด NYMEX มีตัวเลขอยู่ที่ $1,768.30 ต่อออนซ์ ปรับตัวลดลง 1.7% มีราคาปิดที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ $1,765.10 ภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้วกลายเป็นว่าราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาได้เพียง 0.6% เท่านั้น

เอ็ด โมญ่า นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ OANDA วิเคราะห์ว่า

“เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาทองคำพึ่งจะสามารถขยับขึ้นจนเกือบแตะ $1,802 ข้ามแนวต้าน $1,800 ได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความฝันที่นักลงทุนทองคำจะได้เห็น $1,900 หรือ $2,000 กำลังจะกลายเป็นภาพลวงตา ยิ่งราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือ $1,800 ได้ยิ่งทำให้นักลงทุนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และหันไปสนใจสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่น ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 นักลงทุนจะให้ความสนใจกับรายงานผลประกอบการมากกว่าที่จะสนใจราคาทองคำที่เอาแต่วิ่งอยู่ในกรอบราคาเดิมๆ”

รายงานตัวเลขค้าปลึกเมื่อวันศุกร์ยังมีส่วนผลักดันช่วยให้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติวันศุกร์ที่ดีที่สุดในรอบเจ็ดเดือน

เอ็ด โมญ่า ยังกล่าวอีกว่า “นักลงทุนผู้ศรัทธาในทองคำทำได้เพียงอดทนอย่างเดียว เพราะทองคำคงจะวิ่งในลักษณะเช่นนี้ไปจนถึงกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะจบลง ตอนนั้นดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เฉิดฉายของราคาทองคำ”