รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 เรื่องที่นักลงทุนไทยควรรู้สำหรับวันนี้ ( 28 ส.ค.)

เผยแพร่ 28/08/2563 13:42
© Reuters.

โดย Detchana.K

Investing.com - กลุ่มยานยนต์ไทยเริ่มมีความหวัง หลังรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเตรียมปัดฝุ่นโครงการ รถเก่าแลกรถใหม่ หวังกระตุ้นยอดซื้อรถยนต์ที่ซบเซาต่อเนื่องมานานหลายปี โครงการนี้คาดเป็นปัจจัยกระตุ้น ยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วงไตรมาสสี่ไปจนถึงปี 2564 และกลุ่มยานยนต์น่าจะได้รับอานิสงส์เต็มๆ ติดตามรายละเอียดพร้อมประเด็นที่นักลงทุนไทยควรรู้สำหรับวันนี้

1.พลังรัฐสาดส่องไปที่กลุ่มยานยนต์

บล.เอเชียพลัส ระบุว่าจาก Website ฐานเศรษฐกิจ และกรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมฟื้น “โครงการรถเก่าแลกรถใหม่” โดยนํารถเก่าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปีขึ้นไป มาเปลี่ยนเป็นรถยนต์ใหม่ ซึ่งอาจเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งที่เป็น BEV (ใช้ไฟฟ้า 100%) และ รถยนต์ไฮบริด มีราคาค่อนข้างสูง จึงมีความเป็นไปได้ทีจะเห็นมาตรการกระตุ้น ครอบคลุมถึงรถยนต์ที่เป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของไทย อย่างรถกระบะ และ Eco car ผ่านการให้สิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน หรืออาจให้คูปองส่วนลดในการซื้อรถยนต์ใหม่ แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว แต่หากได้รับอนุมัติ คาดเป็นปัจจัยกระตุ้น ยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วง 4Q63 – ปี2564 พิจารณาจาก ณ สิ้น ก.ค. 63 ข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก พบว่ามีรถยนต์นั่งส่่วนบุคคลที่มี
อายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป ประมาณ 7.6 ล้านคัน กอปรกับเมื่อนําช่วงมาตรการรถยนต์คันแรกในปี 2555 พบว่าผลักดันยอดขายรถยนต์ในประเทศเติบโตสูง 80 % yoy อยู่ที่ 1.43
ล้านคัน และส่งให้ยอดผลิตรถยนต์ขยายตัว 68 % yoy ภาพรวมย่อมส่งผลต่อเนื่องถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทย ตามการใช้กำลังผลิตเพิ่มและทําให้เกิด Economies of scale

โดยรวมมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้น ในกลุ่มฯ หลัง SETAUTO ผ่านการปรับฐานอย่างต่อเนื่องติดลบ 16 % YTD จน PBV เฉลี่ยกลุ่มฯ ลงมาซื้อขายที่ราว 7.8 เท่า ต่ำกว่า
ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ปี 5 ที่ 1.24 เท่าราว 2 SD ทําให้มีโอกาสได้รับแรงกระตุ้น เมื่อมีปัจจัยหนุน โดยช่วงโครงการรถยนต์คันแรก SETAUTO เร่งตัวขึ้นจาก 291 จุด ในเดือน ต.ค. สู่ระดับ 629 จุด ในช่วง มี.ค. แนะนํา (BK:SAT) (FVปี2564@B13.4) จุดเด่นจากสถานะการเงินเป็น Net cash ราว 2 พันล้านบาท ( 4.76 บาทต่อหุ้น ) ประคองตัวให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ได้ ด้านการดําเนินงานเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว จากการใช้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ตามยอดผลิตรถยนต์ไทยที่มีสัญญาณการฟื้นตัว MoM ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ ราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม ฯ ลดลง 21% YTD (VS SET Index ลบ 16% YTD) รวมถึง PBV ซื้อขายราว 0.76 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง5 ปี ที่ 1.16 เท่าราว 1.5 SD

2.ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยไตรมาสสอง : เจ็บแต่จบ พบรักใหม่ 3Q63

การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย งวด 2Q63 กำไรสุทธิรวมเหลือเพียง 1.16 แสนล้านบาท ลดลงถึง 47% YoY แต่ฟื้นตัวราว 6.5% QoQ ด้วยแรงหนุนจากการกลับมาบันทึกกำไรจากสต๊อกของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เรามองว่า 2Q63 จะเป็นจุดต่ำสุดของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและ GDP ของไทย จุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องจับตาคือการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ใน Consensus หากเกิดขึ้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน และช่วยหนุนให้ ตลาดหุ้นไทย ขยับขึ้น ลดช่องว่างเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค 

ไตรมาสสองของปีนี้ ถือว่าเป็นไตรมาสที่การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มี ผลกระทบรุนแรงสุดเนื่องจากมาตรการ Lockdown เต็มรูปแบบในหลายประเทศ พร้อมกันทั่วโลก รวมถึงไทย ทำให้หลายกิจกรรมและกิจการ ต้องหยุดชั่วคราวหรือ ดำเนินการได้อย่างจำกัด สะท้อนไปถึง Real GDP ของไทย งวด 2Q63 ลดลงหนัก 12.2% YoY (เป็นรองเพียงงวด 2Q41 ที่ -12.5% YoY ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง) อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิรวมงวด 2Q63 ฟื้นตัวราว 6.5% QoQ โดยหลักเนื่องจากการ ฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีพลิกกลับมาบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมัน เทียบกับ 1Q63 ที่ขาดทุนหนักตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ

นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจ คือ เราเห็นการปรับตัวของบริษัทจดทะเบียนทั้งด้านรายได้(นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความต้องการ, ปรับเปลี่ยนช่องทางการขายเป็นออนไลนม์ากขึ้น) และ ด้านค่าใช้จ่ายในภาวะที่การดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบจาก COVID-19

Upside จำกัดจนกว่าจะเห็นการปรับประมาณการคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ ตลาดหุ้นไทย โดย Bloomberg Consensus สำหรับ ปี2563 ล่าสุด อยู่ที่ 59.17 บาท/หุ้น น้อยสุดนับตั้งแต่ปี2552 หลังวิกฤติซับไพรม์ซึ่งเชื่อว่าการตกต่ำของ EPS ปีนี้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้น เมื่อครั้งที่ SET INDEX ลง ไปพบจุดต่ำ สุด 969 จุด เมื่อวันที่13 มี.ค.2563 ไปแล้ว และเราให้น้ำหนักกับทิศทาง ของการปรับประมาณการจากนี้มากกว่า ซึ่งนักวิเคราะห์ใน Consensus ยังคงปรับประมาณการลงราว 3.2% MoM ต่างจากตลาดหุ้นหลายแห่ง เช่น สหรัฐฯ ไต้หวัน ซึ่ง มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ใน Consensus สะท้อนว่าประมาณการของนักวิเคราะหไ์ด้ครอบคลุมถึงจุดต่ำสุดแล้ว และจากนี้ไป ผลประกอบการจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในก่รลงทุนมากขึ้นสะท้อนภาพบวกไปถึงราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

3. สรุปถ้อยแถลงของเฟดเมื่อคืนนี้เป็นไปทิศทางเชิงบวกต่อตลาดหุ้น

บล. Asia Wealth เผยว่าการปาฐกถาของประธานเฟดเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงิน และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในงานประชุมประจ่าปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล หัวข้อ "Navigating the Decade Ahead: Implications for Monetary Policy" ความน่าสนใจอยู่ที่ เฟดประกาศการปรับนโยบายการเงิน โดยจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการก่าหนดเป้าหมายเงินเฟ้อแบบค่าคงที เป็นการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อค่าเฉลี่ย ท่าให้สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้เฟดมีโอกาสลดลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราว่างงานจะลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทำให้คาดว่าการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 ก.ย. เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0%-0.25% เช่นเดิม แต่กรอบของเงินเฟ้อมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นจาก 2% ในปัจจุบัน โดยที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อใน สหรัฐฯ มักจะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นปัจจัยบวกเล็กน้อยต่อ Sentiment การลงทุน

การประกาศดังกล่าวของประธานเฟดคือการส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยของเฟด จะอยู่ระดับต่ำไปอีกสักพักถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นรวมถึงบาง Sector

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย