InfoQuest - นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์รอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันนี้ แม้ว่าตลาดจะคาดหวังเห็นการส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยจากประธานเฟดออกมาก็ตาม ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้มีการตอบรับในเชิงบวก และตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นตาม
อย่างไรก็ตามภาพของตลาดหุ้นไทยมองว่าตลาดหุ้นไทยมีการพักตัวไนระยะสั้น หลังเมื่อวานปรับลงไปแรง จากแรงขายที่ออกมาหลังประกาศผลการดำเนินงานหุ้นใหญ่ใน sector แบงก์ออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งยังคงต้องรอดูบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาว่าเป็นอย่างไร
โดยให้แนวต้าน 1,685-1,690 จุด แนวรับ 1,660-1,665 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,086.04 จุด พุ่งขึ้น 368.95 จุด หรือ +1.09%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,076.60 จุด เพิ่มขึ้น 58.83 จุด หรือ +1.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,584.55 จุด พุ่งขึ้น 190.74 จุด หรือ +1.67%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,483.41 จุด เพิ่มขึ้น 156.3 จุด หรือ +0.57%, ส่วนดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 21,920.80 จุด เพิ่มขึ้น 78.47 จุด หรือ +0.36% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,262.20 จุด เพิ่มขึ้น 6.53 จุด หรือ +0.20%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ม.ค.66) 1,671.46 จุด ลดลง 9.76 จุด (-0.58%) มูลค่าการซื้อขาย 82,295.95 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,753.78 ลบ.เมื่อวันที่ 31 ม.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(31 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ม.ค.) อยู่ที่ 10.42 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.86 แข็งค่าจากวานนี้ แนวโน้มแกว่งในกรอบ 32.75-33.05
- "เศรษฐกิจไทย" ส่งสัญญาณบวกหลังท่องเที่ยวโตเกินคาด "เคเคพี" ขยับเพิ่มจีดีพีเป็น 3.6% แต่แนะเฝ้าระวังความเสี่ยงจาก 3 เรื่องใหญ่ ด้าน "แบงก์ชาติ" มองเศรษฐกิจเดือน ม.ค. ดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ "ไอเอ็มเอฟ" เพิ่มคาดการณ์ จีดีพีโลก แต่เตือนการขึ้นดอกเบี้ยและรัสเซียรุกรานยูเครนยังส่งผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจ
- ส.อ.ท. เปิดเผยภายหลังคณะทำงานพลังงานและค่าไฟฟ้าของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมหารือกับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาค่าไฟแพง ว่า เบื้องต้นราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือค่าเอฟที งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 จะต่ำกว่างวดปัจจุบัน (ม.ค.-เม.ย.66) ที่อยู่ที่หน่วยละ 5.33 บาทแน่นอน โดยภาคเอกชนยังตั้งเป้าหมายให้ต่ำกว่า 5 บาท
- ธปท. กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค.65 ที่ผ่านมาว่า ยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยมีแรงส่งจากภาคบริการที่ขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนให้เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 65 อยู่ที่ 11.15 ล้านคน สูงกว่าที่คาดไว้ ดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 8.5% ขณะที่แรงกดดันจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัวลงกดดันให้เดือน ธ.ค.มูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำหดตัวลง 12.3% และทั้งปีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 4% ต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้ทั้งปี 65 ดัชนีการผลิตภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่เดือน ธ.ค.65 ลดลง 8.2% การลงทุนภาคเอกชนทั้งปี 65 เพิ่มขึ้น 2.8% ขณะที่เดือน ธ.ค.ลดลง 2.9%
- "กกต." เคาะระเบียบและประกาศ 3 ฉบับแล้ว ทั้งเรื่อง "เลือก ส.ส.ไพรมารีโหวต-สาขาพรรค" เตรียมชงให้รัฐ บาลประกาศราชกิจจาฯ ก่อนลุยแบ่งเขตเลือกตั้ง "บิ๊กตู่" ไม่ก้าวล่วง กกต. บอกหน้าที่รัฐบาลจบแล้ว พร้อมขอบคุณ ครม.ที่ร่วมงานกันมา ก่อนกำชับช่วง 2 เดือนใช้จ่ายงบให้โปร่งใส "วิษณุ" แจงไทม์ไลน์ชัดบอกผู้คุมกฎขอเวลา 1 เดือน ก.พ.ไม่ยุบแน่ แต่หลัง 1 มี.ค. เริ่มได้ลุ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- PSL(กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 19.2 บาท ปัจจัยหนุนราคาหุ้นมาจาก 1) การเปิดประเทศจีน 2) อุปทานที่ตึงตังจากยอด orderbook ต่อเรือที่อยู่ระดับต่ำและความเร็วในการเดินเรือที่ลดลงจากหลักเกณฑ์ EEXI ที่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 เป็นต้นไปและ 3)ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่คาดมีโอกาสสงบศึกในปี 2566-67 ซึ่งคาดจะส่งผลให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นเพื่อจะช่วยให้ยูเครนสร้างประเทศขึ้นมาใหม่หลังได้รับความเสียหายจากสงคราม
- BCH (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 26 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และคาดว่าจะพลิกเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/65 , เดินเกมรุกตั้งเป้าเพิ่มโรงพยาบาลอีก 5 แห่งใน 5 ปี และมี Upside จากการเพิ่มค่ารักษาพยาบาลประกันสังคม (ปรับขึ้นทุก 2 ปี)
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 34 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/65 -12% Q-Q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +13% Y-Y หนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่าชาติที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ทำให้รายได้คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง -1% Q-Q, +9% Y-Y โดยรายได้ผู้ป่วยไทยคาดสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ราว 4% ขณะที่ต่างชาติคาดกลับมาเท่าช่วงก่อนโควิด-19 คาดกำไรปี 2565 +61% Y-Y และเติบโตต่อเนื่องอีก +4% Y-Y ในปี 2566 โดยหนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและโดยเฉพาะต่างชาติที่ฟื้นตัวต่อเนื่องการเปิดประเทศของจีนคาดเป็นบวกในระยะถัดไปและคาดเริ่มเห็นการกลับมาทำความร่วมมือกับ Ping An อีกครั้ง