รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 56.81 จุด ขานรับความหวังเฟดลดดอกเบี้ย

เผยแพร่ 16/12/2566 13:28
อัพเดท 16/12/2566 12:40
© Reuters.  ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 56.81 จุด ขานรับความหวังเฟดลดดอกเบี้ย

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) โดยปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,305.16 จุด เพิ่มขึ้น 56.81 จุด หรือ +0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,719.19 จุด ลดลง 0.36 จุด หรือ -0.001% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,813.92 จุด เพิ่มขึ้น 52.36 จุด หรือ +0.35%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.9%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.5% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.8%

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของนายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กที่ระบุว่า เร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้ลดแรงบวกในตลาด

หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ร่วงลงมากกว่า 1% และลดช่วงบวกในสัปดาห์นี้ลง

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณในการแถลงนโยบายเมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า

ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ พุ่งขึ้น 9.1% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

ปริมาณการซื้อขายในตลาดสูงถึง 1.976 หมื่นล้านหุ้น เมื่อเทียบกับปริมาณเฉลี่ย 1.18 หมื่นล้านหุ้นในรอบ 20 วันทำการที่ผ่านมา

หุ้นคอสต์โค โฮลเซล พุ่ง 4.4% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าคาด อันเนื่องมาจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลสำรวจกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศกระเตื้องขึ้นในเดือนธ.ค. ท่ามกลางยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและความต้องการแรงงาน ซึ่งอาจช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4/2566

เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยในวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.0 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 50.7 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย