โดย Liz Moyer
Investing.com -- ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจฝั่งสหรัฐประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. ผลประกอบการของ FANG อาจเป็นปัจจัยบวกแก่ตลาด
หุ้น Apple (NASDAQ:AAPL) (NASDAQ:AAPL), Amazon (NASDAQ:AMZN), Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Facebook (NASDAQ:FB) ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ และผลประกอบการที่ออกมาดีเกินคาดของบริษัทเหล่านี้ก็น่าจะกระตุ้นให้ตลาดปรับตัวขึ้นต่อไปอีก
หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นพอสมควรเมื่อคืนนี้ก่อนการรายงานผลประกอบการและจึงทำให้ Nasdaq ปิดบวก ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเนื่องจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สอง
หุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ช่วยดันดัชนีสู่ขาขึ้นแม้หุ้นกลุ่มอื่นใน S&P จะยังอ่อนแอ โดยมูลค่าตามราคาตลาดของ Apple, Amazon, Alphabet และ Facebook เมื่อรวมกันแล้วมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 5 หุ้นใน S&P
2. ผลประกอบการของบริษัทเภสัชกรรม
Merck & Company Inc (NYSE:MRK) จะรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าวันนี้ก่อนเปิดตลาด โดยผลคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมาคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะลดลง 19% เหลือ $1.04 และมีรายได้ 1.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การล็อกดาวน์เนื่องจากพิษโควิด-19 อาจทำให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้และจึงส่งผลให้บริษัทมียอดขายยาลดลง โดยเมื่อเดือนเมษายน Merck ได้ลดผลคาดการณ์ประจำปี 2020 สำหรับกำไรต่อหุ้นเหลือระหว่าง $5.17 ถึง $5.37 และรายได้ระหว่าง 4.6 ถึง 4.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ Merck เป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และคณะผู้บริหารก็อาจออกมาเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนด้วยเช่นกัน
3. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้อาจออกมาย่ำแย่อีก
หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและผลผลิตทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เมื่อวานนี้ ในวันนี้จะมีการรายงานรายได้ส่วนบุคคลและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย รายได้ส่วนบุคคล ประจำเดือนมิถุนายนจะรายงานออกมาในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) โดยจากผลคาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์คาดว่าจะลดลง 0.9% จากเดือนที่แล้วที่ทรุดตัวลง 4.2% ส่วน รายจ่ายส่วนบุคคล ก็จะรายงานออกมาในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) เช่นกัน และคาดว่าจะสูงขึ้น 5.9% จากเดือนที่แล้วที่สูงขึ้น 8.2%
ในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1400 GMT) จะมีการรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และคาดว่าค่าดัชนีจะออกมาเท่ากับ 73 ลดลงจากเดือนที่แล้ว 73.2 โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการย้อนกลับแผนการเปิดเศรษฐกิจทั่วประเทศสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้รัฐบาลสหรัฐได้รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่ทรุดตัวลงรายปีถึง 32.9% ในไตรมาสที่สองและยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 1.43 ล้านราย