โดย Christiana Sciaudone
Investing.com - ตลาดปิดตัวต่ำลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางแรงกระตุ้น (อีกแล้ว!) ในแง่ดี
เย็นวันนี้โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกคนล่าสุด จะเปิดเผยแพ็คเกจมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แพคเกจการใช้จ่ายทางการคลัง รวมแพคเกจการจ่ายเงินโดยตรงให้กับชาวอเมริกัน ความช่วยเหลือจากรัฐ ท้องถิ่น และการระดมทุนสำหรับการแจกจ่ายวัคซีน
นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะโฟกัสไปที่ขนาดของแพ็คเกจ และการอัปเดตเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษี เพื่อชดเชยโครงสร้างพื้นฐานและแพคเกจการดูแลสุขภาพมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐธนาคารกลางจะยังคงรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยต่อไป เช้านี้รายงานการจ้างงานรายสัปดาห์ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการที่จะต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เนื่องจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 965,000 คน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 795,000 ราย
และนี่คือ 3 ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อตลาดที่นักลงทุนควรรู้:
1. ผลประกอบการธนาคารกลับมาแล้ว
ถึงเวลาของปีอีกครั้งเมื่อธนาคารขนาดใหญ่เริ่มประกาศตัวเลขผลประกอบการ JPMorgan Chase (NYSE: JPM), ซิตี้กรุ๊ป (NYSE: C) และ Wells Fargo (NYSE: WFC) ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง คาดว่าจะได้เห็นตัวเลขการซื้อขายจำนวนมากจาก JPMorgan และ Citi ช่วยชดเชยรายได้สุทธิที่ลดลง ทิศทางแนวโน้มปี 2021 ก็เป็นที่สนใจเช่นกัน
2. ยอดค้าปลีก
ยอดค้าปลีก ในเดือนธันวาคมจะถูกจับตามองอย่างมากว่ามีการจับจ่ายในช่วงวันหยุดในช่วงปลายเดือน ตัวเลขของเดือนพฤศจิกายนลดลงจากเดือนก่อนหน้า - กรณีของไวรัสโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและการล็อคดาวน์ประเทศต่าง ๆ เข้มงวดขึ้น ฉันทามติเรียกร้องให้คงยอดขายไว้หลังจากที่ลดลง 1.1% ในเดือนก่อน ตามกำหนดเวลา 08.30 น. ET
3. ประกาศตัวเลขอัตราดอกเบี้ยจาก Fed
ไวรัสโควิดกดดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแม้จะมีเจ้าหน้าที่ของเฟดอย่างพาวเวลล์จะปฏิเสธอย่างแข็งขันตั้งแต่วันอังคาร
"เราจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไปเพียงเพราะการว่างงานต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน " พาวเวลล์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
เฟดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% เพื่อช่วยบรรเทาเศรษฐกิจนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเข้าโจมตีสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม 2563