Investing.com - ไมเคิล เบอร์รี เจ้าของฉายา "Big Short" เปิดเผยว่า เขาได้ทำการชอร์ตหุ้นเทสล่า(NASDAQ:TSLA)โดยคิดเป็นมูลค่ากว่าห้าร้อยล้านเหรียญ
กองทุน Scion Asset Management ที่ก่อตั้งโดยไมเคิลและสมาชิกในครอบครัวของเขา ระบุในรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ทางกองทุนได้เปิดสถานะ Put Options ของหุ้นเทสล่า จำนวน 800,100 หุ้น รวมทั้งสิ้น 534 ล้านเหรียญ ณ ช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรก
ทั้งนี้ Put Options เป็นการให้สิทธิแก่นักลงทุนในการขายหุ้นตามราคาและระยะเวลาที่กำหนดไว้
ไมเคิลเป็นหนึ่งในบรรดานักลงทุนที่ถูกนำไปแต่งเป็นหนังสือนิยายและภาพยนตร์เรื่อง "The Big Short' ในฐานะที่เป็นผู้คาดการณ์และเดิมพันมากกว่าพันล้านเหรียญในวิกฤติซับไพรม์ จนทำกำไรได้มหาศาล ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกว่าราคาหุ้นของเทสล่าพุ่งสูงขึ้นมากเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เขาทวีตข้อความว่า "การเดิมพันครั้งสุดท้ายของผม กำลังเพิ่มมากขึ้น ๆ ๆ" ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงมาร์เก็ตแคปของหุ้นเทสล่าในตลาดหลักทรัพย์ "จงร่าเริงไปก่อนเถิด" เขากล่าว
ด้วยยอดขายที่พุ่งสูงและการทำกำไรได้เป็นปีแรก ทำให้หุ้นเทสล่าปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าแปดเท่าในปีที่ผ่านมา โดยแตะระดับสูงสุดที่ราคา 883 ดอลลาร์ต่อหุ้นในเดือนมกราคมปีนี้ แต่หลังจากนั้น ราคาก็ค่อยๆขยับลงมาเรื่อย ๆ เนื่องจากบรรดาผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ต่างก็มองว่าหุ้นเทสล่ามีมูลค่าสูงเกินไปแล้ว
เมื่อวานนี้ ราคาหุ้นเทสล่าปิดที่ 576 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นมาร์เก็ตแคปมูลค่าประมาณ 5.55 แสนล้านเหรียญ
ไมเคิลยังกล่าวอีกด้วยว่า การขายเครดิตการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าอื่น (Green regulatory credits) ซึ่งทางเทสล่าหวังว่าจะทำกำไรให้แก่บริษัท จะประสบความล้มเหลว จากการที่ยอดขายของ Fiat Chrysler เพิ่มขึ้น
ทางด้าน Stellantis บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ FCA จากอิตาลีและ PSA ของฝรั่งเศส คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการผลิตแบบลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ภายในปีนี้ โดยไม่ต้องใช้เครดิตจากเทสล่า
ในไตรมาสที่แล้ว กองทุน Scion ซึ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคล ก็แสดงจุดยืนด้านการใช้พลังงานทดแทน ด้วยการซื้อหุ้นบริษัทGolden Ocean Group Ltd (NASDAQ:GOGL)จำนวน 530,000 หุ้น บริษัท SunCoke Energy 323,823 หุ้น และบริษัท Occidental Petroleum Corporation (NYSE:OXY) 225,000 หุ้น