รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ทำไมราคาทองคำ และ BTC ถึงยังฟื้นตัวขึ้นไม่ได้ และสรุปภาพรวมตลาดสกุลเงินเมื่อวานนี้

เผยแพร่ 17/08/2565 07:48
อัพเดท 09/07/2566 17:32

เราจะมาวิเคราะห์กันครับว่า ปัจจัยอะไรที่ยังคงกดดันราคาทองคำ และ BTC อยู่ รวมไปถึงการวิเคราะห์ทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดสกุลเงินในเมื่อวานนี้

เริ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกกันในเมื่อคืนวันจันทร์ก่อนครับ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (15 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประสบความสำเร็จให้การควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,912.44 จุด เพิ่มขึ้น 151.39 จุด หรือ +0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,297.14 จุด เพิ่มขึ้น 16.99 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,128.05 จุด เพิ่มขึ้น 80.87 จุด หรือ +0.62%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค. และจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมายและสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางจีนมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ

อย่างไรก็ดี ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา ท่ามกลางความหวังที่ว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมายโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง

และการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในเมื่อคืนนี้ จึงเป็นปัจจัยแรกที่หนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียมีการฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะครับ จึงส่งผลให้ BTC ได้มีการฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อยเช่นกัน และในขณะที่เขียนบทความอยู่นี้ ราคา BTC ยัง sideway ในกรอบแคบๆที่ 23,800-24,200$ นะครับ ยังไปไหนได้ไม่ไกลมาก ซึ่งเราจะมาพูดถึงกันต่อไปว่า...ปัจจัยอะไรที่ยังกดดันทั้งตลาดหุ้น และ BTC อยู่

และในเวลา 08:30 ที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลียออกมานะครับ

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนส.ค.ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการ RBA ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับและแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อ

"กรรมการ RBA คาดการณ์ว่าจะดำเนินการมากขึ้นเพื่อปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติในช่วงหลายเดือนข้างหน้า แต่จะไม่ใช่การกำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้า โดย RBA เชื่อว่าการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อไปได้ อย่างไรก็ดี เส้นทางที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวอย่างสมดุลนั้น เป็นเส้นทางที่แคบและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน" RBA ระบุในรายงานการประชุม

รายงานการประชุมยังระบุว่า RBA คาดการณ์ว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะยังคงปรับตัวขึ้นในระยะต่อไป โดยได้แรงหนุนจากอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำมาก และเงินออมที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด

สำหรับการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ RBA มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 1.85% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 4 ครั้งติดต่อกัน พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า

นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมวันดังกล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้ถือเป็นการดำเนินอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติ และยังกล่าวด้วยว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดที่ RBA นำมาใช้เพื่อฉุดตัวเลขเงินเฟ้อให้ลดลงสู่กรอบ 2-3%

ทั้งนี้ นายโลว์กล่าวว่า ปัจจัยต่าง ๆ เช่นเศรษฐกิจทั่วโลกที่ขยายตัวอย่างซบเซา, สงครามในยูเครน และปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อในฝั่งอุปสงค์ (demand-side inflation) พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ขณะนี้ตัวเลขเงินเฟ้อของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2533

ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียของรอยมอร์แกนแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. ซึ่งพลิกฟื้นจากการปรับตัวลงหลังจากที่ RBA ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้

และจากรายงานการประชุมนี้เองที่ได้ทำให้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD มีการฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้อ่อนค่าลงอย่างหนักในเมื่อวานนี้

และจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้ปิดบวกในเมื่อคืนนี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ได้ฟื้นตัวขึ้น จึงได้เป็นปัจจัยหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสกุลเงินหยวน CNY ของจีนที่ได้มีการฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน และหนุนให้ราคาทองคำได้มีการฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา

และปัจจัยสำคัญที่ได้ทำให้ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นได้ในวันนี้ คือข่าวนี้ครับ

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลนิวส์ซึ่งเป็นสื่อในความดูแลของธนาคารกลางจีน (PBOC) รายงานในวันนี้ว่า จีนจำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากการฟื้นตัวในขณะนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ และแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณถึงการชะลอตัว

รายงานดังกล่าวระบุว่า จีนควรออกนโยบายใหม่ ๆ ที่มุ่งเน้นการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวในกรอบที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ จีนควรมุ่งเน้นการเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ และรักษาระดับการจ้างงานและเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ซึ่งหากทางการจีนบังคับใช้นโยบายเหล่านี้ ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน

นอกเหนือจากนโยบายการเงินแล้ว จีนควรใช้นโยบายกระตุ้นด้านการคลังเพิ่มอีก เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะเดียวกันการใช้นโยบายสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการผลักดันการฟื้นตัวในด้านการผลิตและการอุปโภคบริโภค

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลนิวส์คาดการณ์ว่า ธนาคารต่าง ๆ ของจีนอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ในเดือนนี้ หลังจาก PBOC ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.)

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า PBOC ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.10% สู่ระดับ 2.75% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมาย และเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจประจำเดือนก.ค.ที่อ่อนแอลง อันเนื่องมาจากการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และโรคโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดในจีนขณะนี้

และทำให้ตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ครับ

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มพลังงานใหม่ โดยได้แรงหนุนจากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลจีน แม้นักลงทุนยังคงวิตกกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงก็ตาม

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดที่ระดับ 3,277.88 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด หรือ +0.06%

ตลาดได้แรงหนุนหลังธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอย่างไม่คาดคิดในวันจันทร์ (15 ส.ค.) ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง และการขยายตัวของสินเชื่อชะลอลงในเดือนก.ค.

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนสั่งให้บริษัทไชน่า บอนด์ อินชัวแรนซ์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ดำเนินการค้ำประกันการออกหุ้นกู้ภายในประเทศของกลุ่มบริษัทเอกชนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางราย รวมถึง Longfor Group (หลงหู) และ CIFI Holdings (ซฺหวี้ฮุย)

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าวิกฤตหนี้และการผิดนัดชำระหนี้ในภาคอสังหาฯ ของจีนอาจส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาอสังหาฯ บางรายที่รัฐบาลจีนมองว่ามีฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ ปรับตัวขึ้นในวันนี้

จากการที่ตลาดหุ้นเอเชียได้ฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD มีการฟื้นตัวขึ้นนะครับ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สกุลเงินเยน JPY อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน และสกุลเงินเยน JPY ยังได้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่นในเวลา 11:30 ที่ออกมาแย่ครับ ซึ่งการประกาศตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นออกมาติดลบครับ ซึ่งได้ทำให้สกุลเงินเยน JPY ได้ร่วงลงอย่างหนักในวันนี้

และจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก จึงได้ทำให้ราคาน้ำมันมีการฟื้นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน และส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แคนาดา CAD มีการฟื้นตัวขึ้นด้วยครับ

ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้ปรับตัวขึ้นในวันนี้เช่นกัน โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และหุ้นกลุ่มปลอดภัย แม้ความวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยสกัดกั้นการปรับตัวขึ้น แต่ก็ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียโดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดที่ 1.1% หลังบริษัท BHP รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยหุ้น BHP พุ่งขึ้น 4%

และจากการที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในวันนี้ จึงได้ส่งผลให้สกุลเงินฟรังก์สวิส CHF ได้มีการอ่อนค่าลง เช่นเดียวกับสกุลเงินเยน JPY ที่ได้ร่วงลง เนื่องจากทั้งคู่ถูกเทขายในฐานะสกุลเงินปลอดภัย

แต่จากการที่ตลาดหุ้นของสวิตเซอร์แลนด์ได้มีการปรับตัวร่วงลงสวนทางตลาดในวันนี้ ได้หนุนให้สกุลเงินฟรังก์สวิส CHF ได้มีการอ่อนค่าลงไม่มาก ซึ่งต่างจากสกุลเงินเยน JPY ที่ได้ร่วงลงอย่างหนักจากปัจจัยดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

ในขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ USD ยังได้มีการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนะครับ โดยในขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่นี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนใกล้แตะระดับ 107 จุดแล้วนะครับ

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5% และชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัว 3.1%

ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของจีนขยายตัวขึ้น 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.6% และชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6.2%

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายยังคงแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีสัญญาณว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลง

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. และถือเป็นข้อมูลในเชิงบวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน

อย่างไรก็ดี นายอีแวนส์ระบุว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงอย่างยอมรับไม่ได้ และเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ด้านนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่เฟดจะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ นางดาลีไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนก.ย.

และนี่คือปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นสหรัฐในเมื่อคืนนี้ให้ปิดบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และกดดันให้ BTC ยังไปไหนได้ไม่ไกลครับ

และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 3

ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวสูงกว่าระดับ 1.4% ที่มีการระบุก่อนหน้านี้

เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 16 ส.ค.

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.9% ในไตรมาส 2 หลังหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค

อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน

และจากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ USD ในวันนี้ จึงได้กดดันทองคำให้ยังฟื้นตัวขึ้นไม่ได้นั่นเอง หลังจากที่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยแตะระดับ 1,783$ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญในช่วงเช้าจากการฟื้นตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน การฟื้นตัวขึ้นของสกุลเงินหยวน CNY และการฟื้นตัวขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD นั่นเอง และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY ได้มีการย่อตัวลงมาเล็กน้อยในช่วงเช้าเช่นกัน

ก่อนที่ราคาทองคำจะมาปรับตัวลงอีกครั้งในช่วงบ่ายจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินปอนด์ GBP จากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของอังกฤษที่ออกมาแย่ครับ เช่นเดียวกับสกุลเงินยูโร EUR ที่ได้มีการอ่อนค่าลงเช่นกันจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของยูโรโซนและเยอรมนีที่ออกมาแย่เช่นเดียวกัน

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยในวันนี้ (16 ส.ค.) ว่า ค่าจ้างทั่วไปปรับตัวลงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างเดือนเม.ย. - มิ.ย.

รายงานระบุว่า ค่าจ้างซึ่งพิจารณาถึงราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นแล้วนั้น ปรับตัวลง 3% ในเดือนเม.ย.-มิ.ย.เมื่อเทียบรายปี

ทั้งนี้ รายได้ภาคครัวเรือนได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่พุ่งทะยานขึ้น รวมถึงต้นทุนอาหารและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้ากระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.4% ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า เศรษฐกิจอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอย

คันทาร์ (Kantar) บริษัทวิจัยการตลาด เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อร้านขายของชำในอังกฤษพุ่งขึ้น 11.6% ในเดือนส.ค. นับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2551 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายประจำปีเพิ่มขึ้น 533 ปอนด์ (642 ดอลลาร์) ในช่วงวิกฤตค่าครองชีพครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

คันทาร์ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในขณะนี้สูงที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการสำรวจราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตเมื่อ 14 ปีก่อน

ทั้งนี้ คันทาร์กล่าวว่า เนื่องด้วยราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้นักชอปชาวอังกฤษหันมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ของร้านค้าเองมากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์ ส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ของซูเปอร์มาร์เก็ตขยายตัวขึ้น 7.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เคยมีการบันทึกไว้ ในขณะที่ยอดขายสินค้าแบรนด์อื่น ๆ ตอนนี้คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ต

ด้านนักวิจัยการตลาดระบุว่า ผลิตภัณฑ์อย่างเนย, นม และเนื้อสัตว์ปีก มีการปรับขึ้นราคาเร็วที่สุด

ธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อจะทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 13.3% ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523 โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้น ประกอบกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) และห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ -55.3 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -53.8 จากระดับ -53.8 ในเดือนก.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่พุ่งขึ้น ซึ่งอาจกระทบการบริโภค และทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีเข้าสู่ภาวะถดถอย

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ -47.6 จากระดับ -45.8 ในเดือนก.ค.

จากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินปอนด์ GBP และสกุลเงินยูโร EUR จึงได้ทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY ได้มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันราคาทองคำให้ร่วงลงมาแตะระดับ 1,773$ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญอีกรอบในช่วงบ่ายที่ผ่านมา

แต่สกุลเงินยูโร EUR และสกุลเงินปอนด์ GBP นั้นได้มีการอ่อนค่าลงไม่มากนะครับ เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นอังกฤษได้มีการปรับตัวขึ้นจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว เลยทำให้ราคาทองคำลงได้ไม่มากเช่นกัน

และจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากราคาทองคำไม่สามารถกลับไปยืนเหนือบริเวณ 1,783-1,785$ ได้ ราคาทองคำจะย่อตัวลงมาอีกครั้ง ในขณะที่แนวรับสำคัญจะอยู่ที่ 1,773$ ครับ ถ้ายืนเหนือแนวรับนี้ได้ ทองจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปอีกครั้ง แต่หากหลุดแนวรับนี้ แนวรับต่อไปของราคาทองคำจะอยู่ที่ 1,768$ 1,759$ และ 1,756$ ตามลำดับครับ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดสกุลเงินในวันนี้ออกมาเป็นดังนี้ครับ

คู่สกุลเงิน AUDJPY CADJPY USDJPY พุ่งขึ้นจากการแข็งค่าของ AUD CAD USD และจากการร่วงลงอย่างหนักของ JPY

คู่สกุลเงิน AUDCHF CADCHF USDCHF ปรับตัวขึ้นจากการแข็งค่าของ AUD CAD USD และจากการอ่อนค่าของ CHF

คู่สกุลเงิน EURJPY GBPJPY CHFJPY พุ่งขึ้น จากการร่วงลงอย่างหนักของ JPY

คู่สกุลเงิน EURCHF GBPCHF ปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของ CHF

ในขณะที่คู่สกุลเงิน EURUSD GBPUSD AUDUSD ปรับตัวลงจากการแข็งค่าขึ้นของ USD

และคู่สกุลเงิน USDCAD นั้น sideway จากการที่ USD และ CAD นั้นได้มีการแข็งค่าขึ้นทั้งคู่

และจากอัพเดตล่าสุดในขณะนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY ได้มีการย่อตัวลงมาที่ระดับ 106.5 จุด โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐได้มีการย่อตัวลงตั้งแต่เวลา 19:30 เป็นต้นมา จากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ที่ออกมาแย่นะครับ

จึงได้ทำให้คู่สกุลเงิน EURUSD GBPUSD AUDUSD ได้มีการปรับตัวขึ้น ในขณะที่คู่สกุลเงิน USDCAD ได้มีการย่อตัวลงมา

และมาพูดถึงประเด็นสุดท้ายกันครับ ว่าทำไมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ และ BTC ยังคง sideway อยู่ในกรอบแคบๆแบบนี้ ปัจจัยอะไรที่กดดันทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ และ BTC อยู่

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ผลกระทบจากเงินเฟ้อต่อกำไรของบริษัท

ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,958.37 จุด บวก 45.93 จุด หรือ 0.14%

บริษัทวอลมาร์ท และโฮม ดีโปท์ อิงค์ ต่างก็รายงานกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

บริษัททาร์เก็ตและโลว์สจะรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีสัญญาณว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลง

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลง 9.6% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.446 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.540 ล้านยูนิต จากระดับ 1.599 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.

การเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และราคาวัสดุก่อสร้าง

และนี่ก็คือปัจจัยสำคัญที่ยังกดดันให้ทั้งตาดหุ้นสหรัฐ และ BTC ยังคงไปไหนได้ไม่ไกลครับ และยังมีโอกาสปรับตัวลงด้วยในคืนนี้

ซึ่งถ้า BTC นั้นกลับไปยืนเหนือระดับ 24,200$ ไม่ได้ BTC นั้นมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 23,800$ อีกครั้ง และในกรณีถ้าหลุด 23,800$ BTC มีโอกาสลงไปถึง 23,500$ เลยทีเดียว และแนวรับถัดไปของ BTC จะอยู่ที่ 22,800$ ครับ

ในขณะที่ ETH นั้นถ้ากลับไปยืนเหนือระดับ 1,920$ ไม่ได้ ETH นั้นมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,880$ อีกครั้ง และในกรณีถ้าหลุด 1,880$ ETH นั้นมีโอกาสลงไปถึง 1,850$ เช่นเดียวกัน และแนวรับถัดไปของ ETH จะอยู่ที่ 1,812$ เลยครับ!!!

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ความคิดเห็นล่าสุด

ขอบคุณครับ ติดตามครับผม
เยี่ยมมากค่ะ
ขอบคุณมากๆเลยครับ
สุดยอดคับ
ยอดเยี่ยมครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ​มาก​ครับ​❤️
ขอบคุณ​มาก​ครับ​❤️
ขอบคุณ​มาก​ครับ​
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
🙏🏻
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ
👍
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย