รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หุ้นเอเชียพุ่งขึ้นหลังหุ้นเทคโนโลยีดีดตัวจากกระแส AI จับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ

เผยแพร่ 09/01/2567 11:48
© Reuters.

Investing.com - หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากหุ้นประเภทเทคโนโลยีในภูมิภาคพุ่งขึ้นท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ความสนใจของตลาดยังคงอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อที่กำลังจะมีการเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ตลาดภูมิภาคฟื้นตัวจากการเริ่มต้นปี 2024 ที่ยากลำบาก หลังหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในช่วงห้าเซสชั่นที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดกลับมาทบทวนการเดิมพันอีกครั้งเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยช่วงแรกของธนาคารกลางสหรัฐ

รายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์นี้ คาดว่าจะให้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตัวเลขเงินเฟ้อในภูมิภาคมีสัญญาณเชิงบวกบางประการ ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 1.4% หลังช่วงวันหยุดยาว โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเขตโตเกียว ซึ่งทำหน้าที่เป็นมาตรฐานของประเทศลดลงตามที่คาดไว้ในเดือนธันวาคม และขณะนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายประจำปีที่ 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น

แม้ว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคกลางของญี่ปุ่นจะบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อประเทศลงบ้าง แต่ก็ทำให้เกิดการเดิมพันขึ้นว่า BOJ จะทำการชะลอแผนการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เมื่อต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายของการฟื้นฟูและซ่อมแซมหลังภัยพิบัติ

หุ้นเทคโนโลยีในเอเชียพุ่งขึ้นท่ามกลางกระแส AI ที่เพิ่มขึ้นและการซื้อต่อรองราคา

การเพิ่มขึ้นในหุ้นที่ประกอบไปด้วยหุ้นประเภทเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ยังช่วยหนุน Nikkei อีกด้วย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ โดย Advantest Corp ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบชิป (TYO:{44296|6857}}) พุ่งขึ้นเกือบ 7% และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในดัชนี Nikkei

ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงปรับขึ้น 1% จากความแข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยี โดยผู้ผลิตพีซี Lenovo Group (HK:{32500|0992}}) พุ่งขึ้น 6.1% หลังจากเปิดตัวอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ใหม่จาก AI กว่า 40 รายการในงาน Consumer Electronics Show

กระแสเกี่ยวกับ AI กลับมามีบทบาทอีกครั้งหลังจากผู้ผลิตชิปอย่าง NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพุ่งขึ้นที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในปี 2023 มีการพุ่งขึ้นมากกว่า 6% และทำสถิติสูงสุดในวันจันทร์ ขณะที่ผลวิจัยของ New Street ระบุว่าหุ้นตัวนี้อยู่ในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในปี 2024 อีกทั้งกำไรเหล่านี้ยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียอีกด้วย

KOSPI ของเกาหลีใต้ ขยับขึ้น 0.3% โดยได้กำไรส่วนใหญ่จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยชดเชยการลดลง 0.5% ของ Samsung Electronics Co Ltd (KS:005930) หลังจากที่กลุ่มบริษัทดังกล่าวรายงาน {{news- 3269909||กำไรไตรมาสสี่}} ที่ร่วงลงถึง 35%

บริษัทในเครือของ Samsung SK Hynix Inc (KS:000660) ซึ่งพัฒนาชิปหน่วยความจำขั้นสูงที่เชื่อมโยงกับการพัฒนา AI พุ่งขึ้นมากกว่า 2% แม้ว่าผลประกอบการของ Samsung จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น

กำไรในหุ้นเทคโนโลยียังได้รับแรงหนุนจากการซื้อขายต่อรองราคาอย่างมาก เนื่องจากภาคส่วนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักในสัปดาห์แรกของปี 2024 ท่ามกลางความสงสัยที่เพิ่มมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2024 เมื่อใด ความสงสัยเหล่านี้ยังคงส่งผลกระทบก่อนเปิดเผยรายงานสำคัญของสหรัฐฯ โดยข้อมูล ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะมีการเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนี้ คาดว่าจะแสดงอัตราเงินเฟ้อเพิ่มที่ขึ้นเล็กน้อยในเดือนธันวาคม

หุ้นในตลาดเอเชียโดยรวมก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดย ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ดัชนียอดค้าปลีก เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพฤศจิกายน รายงาน อัตราเงินเฟ้อ CPI ของออสเตรเลียก็จะมีการเผยแพร่ในวันพุธนี้

CSI 300 ของจีนขยับขึ้น 0.1% จากระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ดัชนี เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ขยับขึ้น 0.2% จากระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ตัวเลข อัตราเงินเฟ้อ และ ดุลการค้า ก็จะมีการเปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์นี้เช่นกัน

หุ้นจีนอยู่ในกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในตลาดเอเชียปี 2023 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดในประเทศส่วนใหญ่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ดัชนีอินเดียฟิวเจอร์ส Nifty 50 มีแนวโน้มเปิดตลาดขาขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวจากการขาดทุนอย่างมากในสัปดาห์แรกของปี 2024 ความสนใจในสัปดาห์นี้ยังคงอยู่ที่ผลประกอบการรายไตรมาสจากบริษัทดัชนียักษ์ใหญ่อย่าง Infosys Ltd (NS:INFY) และ Wipro Ltd (NS:WIPR) รวมถึง ข้อมูล CPI ของอินเดียประจำเดือนธันวาคม

ความคิดเห็นล่าสุด

ddddddf
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย